'เสรีพิศุทธ์' เดินหน้าปราบทุจริตต่อแม้ไม่มีอำนาจเต็มที่

'เสรีพิศุทธ์' เดินหน้าปราบทุจริตต่อแม้ไม่มีอำนาจเต็มที่

'เสรีพิศุทธ์' ยอมรับไร้อำนาจกฎหมายคำสั่งเรียก กระทบงานกมธ.ปราบโกง แต่มั่นใจยังเดินหน้าต่อได้ ด้าน 'ชวน' ขอเวลาดูคำวินิจฉัยศาลรธน.ก่อน

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีวินิจฉัยให้พระราชบัญญัติคําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับรัฐสภาแล้ว ดังนั้น หลังจากจากนี้ขอเวลาดูว่าจะมีผลต่อการทำงานกรรมาธิการอย่างไรบ้าง และต้องไปตรวจสอบอีกว่าคณะกรรมาธิการกี่ชุดที่ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิชอบ กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมานั้นอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมาธิการฯในส่วนของตนบ้าง แต่อาจจะไม่มากนัก เพราะถ้าเป็นการเชิญหน่วยงานหัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจง ก็ยังสามารถประสานงานกับรัฐมนตรีให้ดำเนินการสั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯได้ แต่จะเป็นปัญหาในกรณีของการเชิญภาคเอกชนมาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการฯอาจจะดำเนินการได้ไม่เต็มที่เพราะไม่มีอำนาจในการออกคำสั่งเรียกตามกฎหมายแล้ว ซึ่งจะทำให้การสรุปข้อเท็จจริงทำได้ไม่สมบูรณ์

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีอำนาจตามพระราชบัญญัติ คําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 129 ยังได้ให้อำนาจคณะกรรมาธิการในการทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ โดยมาตรา 129 ระบุว่า คณะกรรมาธิการมีอํานาจเรียกเอกสารจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความเห็นในกิจการที่กระทําหรือในเรื่องที่พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาอยู่นั้นได้แต่การเรียกเช่นว่านั้นมิให้ใช้บังคับแก่ผู้พิพากษาหรือตุลาการที่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อํานาจในกระบวนวิธีพิจารณาพิพากษาอรรถคดี หรือการบริหารงานบุคคลของแต่ละศาล และมิให้ใช้บังคับแก่ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามหน้าที่และอํานาจโดยตรงในแต่ละองค์กรตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ