‘อิออน’ พุ่งนำหุ้นสินเชื่อเงินสด หวังกำไรฟื้นยกกลุ่ม

 ‘อิออน’ พุ่งนำหุ้นสินเชื่อเงินสด   หวังกำไรฟื้นยกกลุ่ม

บรรดาหุ้นการเงินปีนี้เจอสารพัดปัจจัยลบกระทบราคาหุ้นอยู่ไม่น้อย เพราะตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องมาตลอด ยิ่งในช่วงโควิด-19 ที่ทำให้รายได้ประชาชนลดลง หรือบางรายตกงานถูกเลิกจ้างทำให้ศักยภาพจ่ายหนี้ลดลง

แบงก์ชาติต้องกดดันให้แบงก์และนอนแบงก์เข้าช่วยเหลือหยุดพักชำระหนี้ ซึ่งจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนต.ค. รวมทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยกลุ่มสินเชื่อบุคคลลงเพื่อลดภาระให้กับประชาชนให้สอดคล้องนโยบายดอกเบี้ยที่เป็นขาลง

ดังนั้นจึงทำให้รายได้จากธุรกิจกระทบพร้อมกับ ต้องตั้งรับหนี้เพิ่มขึ้นในอนาคตด้วยการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา ด้านธุรกิจสินเชื่อเงินสดต้องเจอประเด็นการแข่งขันเข้ามาเพิ่มเติม

จาก ธนาคารออมสิน ประกาศทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนและพร้อมจะเปิดตัวไม่เกินภายใน 6 เดือนจากนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าในตลาด อยู่ที่ 8-10 % ทำให้ราคาหุ้นนอนแบงก์ถูกกดดันไปช่วงหนึ่ง

สอดคล้องกับผลประกอบการช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ของหลายบริษัทที่มีการเติบโตลดลงอย่างชัดเจนและมีผลกระทบต่อราคาหุ้นตามมา บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC มีกำไรที่ 1,149 ล้านบาท ลดลง 30% จากไตรมาสก่อน และ ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรให้ลดลงกระทบต่อรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง

ประเด็นดังกล่าวยังทำให้ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563 ที่เตรียมจะประกาศออกมาต่างคาดว่าจะทรุดหนักลงไปอีก บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS กลับประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 (สิ้นสุด ส.ค. ) ออกมาดีเกินคาดและส่งผลทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเห็นการฟื้นตัวในกลุ่มนี้

ผลักดันทำให้ราคาหุ้น AEONTS มาปิดที่ 126.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.44 % ส่วนหุ้นในกลุ่มเดียวกันก็พร้อมใจปรับตัว KTC มาปิดที่ 38.00 บาทเพิ่มขึ้น 3.40 % บริษัทเมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC มาปิด 52.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.47 % และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ราคามาปิด 50.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 %

โดยตัวเลขที่ AEONTS ประกาศมีรายได้รวม 5,384 ล้านบาท ลดลง 4.9 % และครึ่งปีแรก 2563 มีรายได้ 11,040 ล้านบาท ลดลง 1% แต่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 82 % จากไตรมาสก่อน

ช่วงดังกล่าว AEONTS ยังได้รับผลกระทบตามยอดปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง แบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงจาก 18 % เหลือ 16 % และลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลลงจาก 28 % เหลือ 25 % ต่อปี

สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขหนี้สูญรับคืนของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 26 % จากปีก่อน และยังเพิ่มขึ้น 30 % จากไตรมาสก่อน เนื่องจากบริษัทมีการดําเนินเร่งรัดทางกฎหมายให้เร็วมากขึ้น

รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานและการบริหาร ลดลง 10 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งการจากการชะลอกิจกรรมทางการตลาด, ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายการเดินทางลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานและการบริหารในไตรมาสนี้ 2,019 ล้านบาท ลดลง 12 % และอัตราหนี้ไม่ก่อเกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 3.88 %

พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 1.85 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล30.9 % จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 ต.ค.2563 และให้กําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 พ.ย. 2563

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ มองว่าผลประกอบการยังมีอัพไซด์ราว 10-15% เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นที่ลดลงกว่า 37% ในปีนี้เทียบกับ KTC ที่ 7% และ SETFIN ที่ 1.4% ให้มูลค่าที่เหมาะสม 180 บาท   ตามผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ทั้งหนี้เสียที่ฟื้นตัว ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลและ บริษัทคงการรักษาคุณภาพสินทรัพย์หลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง โดย NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.88% จากเดิมที่ 3.7% และ Loan-loss Coverage อยู่ที่ 350.9% เทียบกับ 359.4% ในช่วง ไตรมาส 1