ความอ่อนด้อยของรัฐบาล ในสงครามการสื่อสาร

ความอ่อนด้อยของรัฐบาล ในสงครามการสื่อสาร

'ยุทธศาสตร์'การสื่อสารถือเป็นอีก1สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่าง"รัฐบาล" และ"ประชาชน"

มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดจะเขียนมานานแล้ว แต่ไม่ได้เขียนสักที เพราะสถานการณ์บ้านเมืองมีเรื่องร้อนกว่าตลอด
แต่วันนี้คิดว่าน่าจะถึงเวลาได้เขียน ก็คือการที่รัฐบาลควรใช้เวลาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ และมากกว่าที่ผ่านๆ มา

ผมว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีภาพความเป็นทหารและราชการสูงมาก วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่เคยคิดทำอะไร หลบอยู่บ้าน เงียบเป็นเป่าสาก ถึงจะมีวิกฤติหรือเหตุด่วนเหตุร้ายในบ้านเมือง ก็ไม่เคยแสดงตัวออกมาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวให้ประชาชนเห็นแอคชั่น ทุกอย่างต้องรอวันจันทร์ ที่เป็นวันเปิดราชการเท่านั้น

อารมณ์เดียวกับผู้ว่าฯกทม. ที่หายศีรษะตลอดเวลาที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อน น้ำท่วม ฝนตก รถติด แล้วอ้างน้ำรอระบาย

หากเทียบกับบทบาทของผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนรู้ว่าสภาพความเป็นเมืองของกรุงเทพฯ แม้แต่เทวดาก็แก้ปัญหาฝนตก น้ำท่วม รถติดไม่ได้ แต่มันบรรเทาได้ โดยเฉพาะบรรเทาทางความรู้สึก ให้ประชาชนเห็นว่าผู้ว่าฯออกมาลำบากด้วยกัน ออกมาบัญชาการระบายน้ำ ออกมาช่วยอำนวยการจราจร

เมื่อผู้ว่าฯออก ลูกน้องก็ต้องออก สำนักงานเขต เทศกิจ รวมไปถึงตำรวจน้อยใหญ่ก็ต้องออกมาช่วยกัน หลังจากวิกฤติผ่านไปจะเบิกเบี้ยเลี้ยงแจกจ่ายกันไปก็ไม่มีใครว่า

สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นข้อค้นพบว่าเป็นสาเหตุของ “น้ำรอระบาย” ก็คือ “ขยะ” โดยเฉพาะก้นบุหรี่ นับจากนี้ (จริงๆ คือควรทำนานแล้ว) จะต้องมีโครงการลดปริมาณขยะอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพวกมูลฝอยที่ทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน ต้องมีมาตรการทั้งรณรงค์ ทั้งขอความร่วมมือ และใช้กฎหมายจัดการ ต้องพาสื่อไปดูปริมาณขยะที่ค้างอยู่ในท่อ และขยะที่ถูกดักไว้ปลายท่อ เพื่อการรับรู้และเข้าใจปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่คอยแต่จะแก้ข่าวเฟกนิวส์รักษาหน้ากันอย่างเดียว

พึงระลึกไว้เสมอว่าเฟกนิวส์จะไม่เกิด ถ้าคุณตั้งใจทำงานจริง เพราะแม้จะมีผู้ไม่หวังดีทำเฟกนิวส์ ก็จะมีคนจำนวนมากช่วยแก้ข่าวให้คุณ

ย้อนกลับมาที่รัฐบาล สมัยก่อนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ คือวันยุทธศาสตร์การชิงพื้นที่ข่าวของบรรดานักการเมือง เพราะนักข่าวไม่รู้จะไปหาข่าวที่ไหน ถ้านักการเมืองสร้างข่าวให้ ก็จะได้เป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ในเช้าวันจันทร์

ตั้งแต่ยุค เสธ.หนั่น เปิดบ้านสนามบินน้ำ ยุคคุณทักษิณก็ออกรอบตีกอล์ฟ และมีรายการนายกฯพบประชาชน ส่วนยุค คสช. ยุค พล.อ.ประยุทธ์ หายเงียบเหมือนหน่วยราชการที่ปิดตาย

ขณะที่ฝ่ายการเมืองคู่แข่งสำคัญอย่างพลพรรคสีส้ม หากิจกรรมทำชิงพื้นที่ข่าวทุกสัปดาห์ แถมยังเป็นกิจกรรมทางความคิดด้วย อย่างล่าสุดเปิดโครงการหนังสือเปลี่ยนโลก ส่วนรัฐบาลเงียบเหมือนหลับอยู่ในกุฎ ส่วนที่ออกมาเป็นข่าวอยู่บ้างก็ทำกันเองด้วยใจ อย่าง คุณธนกร วังบุญคงชนะ หรือ คุณทิพานัน ศิริชนะ ซึ่งก็ต้องชื่นชม เพราะทั้งสองคนนี้ไม่ได้เป็น ส.ส.ด้วยซ้ำ แต่โฆษกรัฐบาลกลับหาย ทีมโฆษกกลับเงียบ นายกฯถ้าไม่ไปเปิดงาน ก็ไม่มีใครเคยเห็นหน้า

การชิงพื้นที่ข่าววันอาทิตย์ ไม่จำเป็นต้องออกมาตอบโต้ทางการเมืองก็ได้ แต่ใช้วันหยุดประจำสัปดาห์เป็นวันพบปะพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน เช่น กลุ่มเอสเอ็มอี กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายกลาง รายย่อย เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลร่วมทุกข์ ร่วมสุข และร่วมฝ่าวิกฤติไปกับประชาชน นี่ยังไม่นับกิจกรรมระดับแอดวานซ์ เปิดวงเสวนาทางความคิด ตามรอยประวัติศาสตร์ชาติไทย ชิงพื้นที่ข่าวพวกชังชาติ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้เด็กและเยาวชนบ้าง

ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ทั้งสิ้น