‘ออปโป้’ เปิดเกมชิงที่ 1สมาร์ทโฟน 5G

เศรษฐกิจทรุดฉุดกำลังซื้อ คาดปีนี้ตลาดรวมติดลบ 20%

“ออปโป้” เปิดเกมลุยหนักสมาร์ทโฟน 5จี ส่งสินค้าใหม่ 3 รุ่นรวดลงตลาด ชูกลยุทธ์สเปคดี ครอบคลุมทุกราคา จับกลุ่มผู้ใช้งานระดับกลาง-บน หวังขึ้นแท่นผู้นำสมาร์ทโฟน 5 จี ตลาดไทย

ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้ ประเทศไทย กล่าวว่า โค้งสุดท้ายของปี 2563 นี้ออปโป้มีแผนรุกหนักตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยเต็มรูปแบบ

ล่าสุด เสริมความแข็งแรงพอร์ทโฟลิโอ ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5จีซีรีส์ 3 รุ่นรวด ประกอบด้วย ออปโปรีโน 4 แซด 5จี, ออปโป้ ออปโปรีโน 4 โปร 5จี พร้อมด้วย ออปโป้ ไฟน์ เอ็กซ์ 2 โปร กรีนวีแกน เลทเธอร์ อิดิชั่น ครอบคลุมทุกระดับราคา ตั้งแต่กลางถึงเรือธง เปิดราคาเร่ิมต้นที่หนึ่งหมื่นบาทต้นๆ ออปโป้กำลังเดินเกมรุกตลาดสมาร์ทโฟน 5จี ในไทยอย่างเต็มตัว มั่นใจว่าจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้

สำหรับแนวทางการตลาด ชูจุดต่างด้านฟังก์ชั่นการถ่ายภาพ การถ่ายวีดิโอ ชาร์จเร็ว การจะขึ้นมาเป็นผู้นำได้กลยุทธ์สำคัญคือเน้นทำตลาดระดับไฮเอนด์ และการมีสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดตลาดสินค้าราคาต่ำกว่าหมื่นบาทช่วงปลายปีนี้ ไม่เกินไตรมาสแรกของปีหน้า

เขากล่าวว่า ผู้ผลิตและผู้ให้บริการเครือข่ายตื่นเต้นกับ 5จี กันอย่างมาก ทว่าผู้บริโภคยังไม่ตื่นเต้นมากนัก ทั้งมีปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนถ่ายจาก 4จี มาสู่ 5จี ของผู้บริโภค

รวมไปถึงข้อจำกัดด้านราคาค่าบริการแพ็กเกจที่อาจต้องทำราคา 399 บาทขึ้นไป ดังนั้นยังต้องรอดูสถานการณ์ การตอบรับ และท่าทีของผู้ให้บริการเครือข่ายว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การทำราคาอย่างไรให้ดึงดูดใจ ระยะแรกๆ คาดว่าการบูมของตลาดสมาร์ทโฟน 5จี จะเริ่มจากผู้ใช้งานระดับบนเป็นหลัก และคาดว่าไตรมาสแรกของปีหน้าจะมีมือถือที่รองรับ 5จี เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น

ออปโป้เผยว่า ภายใน 3 ปีนี้บริษัทมีแผนใช้งบประมาณการลงทุนมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์สำหรับวิจัยและพัฒนา โดยเน้นด้าน 5จี เอไอ เออาร์ และบิ๊กดาต้า ด้วยทีมอาร์แอนด์ดีที่มีมากกว่า 1 หมื่นคน ปัจจุบัน มีสายผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อีโคซิสเต็มส์กลุ่มไอโอทีและสมาร์ทวอทช์

อย่างไรก็ดี แม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก แต่เป็นความโชคดีของอุตสาหกรรมไอทีที่สมาร์ทโฟนเป็นสินค้าที่จำเป็นดังนั้นจึงได้รับผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ เท่าที่ประเมินเบื้องต้นช่วงครึ่งปีแรกยอดขายในตลาดรวมหายไปประมาณ 20% ซึ่งถือว่าไม่ได้รับผลกระทบเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กระทบหนักกว่า

สำหรับภาพรวมตลาดไตรมาสที่ 4 และตลาดรวมทั้งปีนี้คาดว่าคงจะไม่สามารถกลับมาเติบโต และอาจติดลบประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่โดยส่วนตัวมองว่าตัวเลขนี้ไม่ถือว่าตก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่ดีนัก

บริษัทวิจัยไอดีซีรายงานว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนประเทศไทยมีจำนวน 4.3 ล้านเครื่อง ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากผู้ผลิตปรับตัวไปใช้ช่องทางออนไลน์ และมีโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขายหน้าร้าน เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าออนไลน์โตขึ้นเกือบ 4 เท่า

สำหรับไตรมาสที่ 3 คาดว่าตลาดจะลดลงต่อเนื่อง จากความต้องการต่ำและมีความกดดันด้านเศรษฐกิจ ส่วนไตรมาสที่ 4 สถานการณ์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์และการเปิดตัวของไอโฟนรุ่นใหม่

ไอดีซีระบุว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 วีโว่ครองอันดับ 1 สมาร์ทโฟนไทย มีส่วนแบ่งการตลาดเชิงยอดขาย 19.5% อันดับ 2 ซัมซุง 18.6% อันดับ 3 ออปโป้ 16.9% อันดับ 4 เรียลมี 12.2% และอันดับ 5 แอ๊ปเปิ้ล 10.6%