ก.ล.ต.คาดตั้งกระดานเทรดหุ้นเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพเสร็จภายใน Q2/64

ก.ล.ต.คาดตั้งกระดานเทรดหุ้นเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพเสร็จภายใน Q2/64

ก.ล.ต. คาดตั้งตลาดเทรดหุ้นเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพเสร็จภายในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3/64 หวังพิจารณาแบบฟอร์มข้อมูลบริษัทพร้อมอนุมัติภายใน 14 วันทำการ หนุนธุรกิจเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าคาดว่าจะสามารถจัดตั้งตลาดรองซื้อขายหลักทรัพย์ธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ (กระดานที่ 3 ) แล้วเสร็จได้ภายในช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3/2564 หลังจากปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของอนุกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำลังพิจารณาและหากกระบวนการตลท.แล้วเสร็จจะต้องส่งต่อมาให้คณะกรรมการก.ล.ต. (บอร์ด) ได้พิจารณาอนุมัติอีกด้วย

ทั้งนี้สำหรับกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ จะเปิดให้บริษัทจำกัดและบริษัทมหาชน รวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพสามารถเข้ามาระดมทุนผ่านช่องทางดังกล่าวได้ ด้วยการยื่นแบบฟอร์มข้อมูลบริษัท (Template ) โดยมีระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติภายใน 14 วันทำการ จึงสามารถเปิดให้เสนอขายหลักทรัพย์ได้ โดยสำนักงานก.ล.ต.จะเน้นการเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจการลงทุนได้อย่างครบถ้วน

ขณะที่มองว่าปัจจุบันมีบริษัทที่มีศักยภาพสามารถเข้าระดมทุนตามเป้าหมายอยู่ประมาณ 40-50 ราย ส่วนกลุ่มผู้ลงทุนนั้นจะเน้นกลุ่มที่มีความรู้ด้านการลงทุน,รู้จักธุรกิจที่จะลงทุนเป็นอย่างดี รวมถึงมีความพร้อมของฐานะการเงิน อาทิ กลุ่มนักลงทุนสถาบัน,ไพรเวทอิควิตี้ฟันด์และธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC) เป็นต้น

นอกจากนี้ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ สอดรับภารกิจของทั้งสองหน่วยงานที่มุ่งส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนา SME ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากล

นางสาวรื่นวดี กล่าวต่อว่า ก.ล.ต. ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มาโดยตลอดนับตั้งแต่กลางปี 2562 เป็นต้นมา โดยหนึ่งในภารกิจหลักของ ก.ล.ต. คือ การสนับสนุนและเปิดช่องทางให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยการออกและปรับปรุงหลักเกณฑ์รองรับและลดอุปสรรคในการระดมทุน เช่น หลักเกณฑ์การออกและเสนอขายหุ้นและหุ้นกู้แปลงสภาพในวงจำกัด และหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคราวด์ฟันดิง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการระดมทุน รวมถึงการจัดกิจกรรมสัมมนาให้ข้อมูลความรู้และคำแนะนำแก่ SME ในการใช้เครื่องมือและช่องทางการระดมทุน โดยล่าสุดมี SME ที่ระดมทุนผ่านตลาดทุนประสบความสำเร็จแล้ว 13 ราย มูลค่ารวมทั้งสิ้น 78.19 ล้านบาท

“ก.ล.ต. และ สสว. มีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะทำงานเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจเริ่มต้น กิจการเงินร่วมลงทุน และนิติบุคคลร่วมลงทุนสู่ตลาดทุนไทย หรือ “คณะทำงาน SME Startup PE VC” และการร่วมจัดทำโครงการส่งเสริมการระดมทุนผ่านตลาดทุน (PP-SME) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ SME ที่เป็นบริษัทจำกัดสามารถระดมทุนโดยการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อบุคคลในวงจำกัดได้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ SME เข้าถึงช่องทางการระดมทุน ซึ่ง MOU ในครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมของทั้งสองหน่วยงานอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ ก.ล.ต. และ สสว. ในฐานะหน่วยงานหลักที่มุ่งพัฒนา SME ของประเทศ สามารถแลกเปลี่ยนและสนับสนุนข้อมูล ความรู้ และความเชี่ยวชาญในภารกิจระหว่างกัน ตลอดจนการนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาและส่งเสริมระบบนิเวศด้านตลาดทุนที่เหมาะสมกับความต้องการและความพร้อมของ SME ต่อไป”

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สสว. และ ก.ล.ต. ครั้งนี้ สอดคล้องกับพันธกิจหลักและทิศทางการดำเนินงานนโยบายของ สสว. ที่มุ่งเน้น 3 เรื่องคือ 1. การแสวงหาช่องทางการตลาดให้กับเอสเอ็มอีเพื่อเร่งเพิ่มรายได้ภายหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลายลง 2. การลดค่าใช้จ่ายเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ และ 3. การอำนวยความสะดวกเพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้และกลับมาเข้มแข็งในอนาคต