ถอดรหัส 'รมว.คลัง' คนใหม่ เป็นใครที่ใจถึง
นายกฯ บอกว่า รมว.คลังคนใหม่ต้องใจถึง เข้มแข็ง จึงเป็นไปได้ที่จะชื่อรัฐมนตรีที่ชื่อ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”
หากจับสัญญาณจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า จะทราบชื่อผู้ที่จะเข้ามาเป็น “รมว.คลัง”คนใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ บอกกับนักข่าวว่า สเปคของคนที่เข้ามาเป็น รมว.คลังคนใหม่ ต้องรู้งานเศรษฐกิจ รู้การทำงานของรัฐบาล ที่สำคัญ “ต้องใจถึง เข้มแข็ง” ซึ่งการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะเป็นการปรับตำแหน่งเดียว ไม่มีการสลับเก้าอี้
หากไล่เรียงจากรายชื่อตามโผที่ออกมา มีโอกาสสูงที่ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” อดีต รมว.คมนาคม ในสมัย รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 1 จะเข้ามานั่งเก้าอี้ รมว.คลัง คนใหม่ ในครม.ประยุทธ์ 2/3
คงต้องยอมรับว่า “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” มีประสบการณ์ผ่านงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมาอย่างโชกโชนตั้งแต่ในสมัยที่ยังคงทำงานเป็นข้าราชการในในสังกัดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ทั้งใน "ยุควิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" หรือ "วิกฤตซับไพรม์" ในช่วงปี 2552 และการแก้ปัญหาอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทยพ.ศ. 2554 อีกทั้งยังรู้กฎระเบียบภาครัฐ การจัดซื้อจัดจ้าง วิธีการงบประมาณ และการเงินการคลังเป็นอย่างดี
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ แคนดิเดตรรมว.คลัง)
ขณะที่ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม ยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาการบินพลเรือน ปลดล็อคธงแดง ICAO
รวมทั้งยังได้ผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมในหลายๆโครงการ ไม่ว่าจะเป็น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าการเจรจาต่อรองกับประเทศจีนในเรื่องการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน การก่อสร้างรถไฟทางคู่ รวมทั้งโครงการสถานีกลางบางซื่อ สถานีรถไฟแห่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคมระบบรางในประเทศไทย ซึ่งโครงการต่างๆที่ได้ผลักดันในสมัยนั้นขณะนี้มีความก้าวหน้าและเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
ที่สำคัญ “อาคม” ยังนับได้ว่า เป็นคน “มือสะอาด” ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน
ส่วนอีกคนที่มาแรง คือ “ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย” ที่มีกระแสข่าวว่า มีแรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เนื่องจากมองว่าบุคลิกของ “ไกรฤทธิ์” เหมาะสมกับสถานการณ์การแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ มีความเด็ดขาด กล้าคิดและกล้าตัดสินใจ
(ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย หนึ่งในแคนดิเดตรมว.คลัง)
แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2563 พบว่า “ไกรฤทธิ์” ยังนั่งเป็นกรรมการในหลายบริษัท ทั้ง ประธานกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) นอกจากนี้ ยังเป็นกรรมการใน บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวอร์ค จำกัด
จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ “ไกรฤทธิ์” จะเข้ามาเป็น รมว.คลัง คนใหม่ เพราะเงื่อนไขสำคัญของการเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัทเอกชน เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน
นาทีนี้จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ รมว.คนใหม่ ที่นายกฯ บอกว่า ต้องใจถึง เข้มแข็ง จะชื่อ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”