SINGER - ซื้อ

SINGER - ซื้อ

เรียนรู้จากขาดทุนในอดีต ประวัติศาสตร์จะไม่ซํ้ารอย

Event

เริ่มบทวิเคราะห์ครั้งแรก SINGER ด้วยคำแนะนำซื้อ

lmpact

มีการปรับกระบวนการทำงานเพื่อลดหนี้เสีย

ผลการดำเนินงานของ SINGER ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วง 2562-1H63 หลังจากที่ขาดทุนในปี 2560/61 จากการตั้งสำรองหนี้เสีย การตั้งด้อยค่าสต็อกโทรศัพท์มือถือ และการติดตามหนี้ที่ขาดประสิทธิภาพ ในการพลิกฟื้นผลการดำเนินงาน บริษัทได้ปรับปรุง 1.) กระบวนการทำงาน ด้วยการ โยงการจ่ายผลตอบแทนพนักงานกับระบบการติดตามหนี้ & หนี้เสีย และ เพิ่มบริการจ่ายค่างวดผ่านระบบโมบายแบงก์กิ้ง 2.) เน้นขายสินค้าไม่เน้นเทคโนโลยี หันมาเน้นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน การปรับเปลี่ยนดังกล่าวทำให้ติดตามหนี้ได้มากขึ้น ในขณะที่หนี้เสีย และยอดการตั้งสำรองฯก็ต่ำลง

สินเชื่อจำนำทะเบียนจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะต่อไป

ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทำให้รายได้โตถึง 60% ใน 1H63 ในขณะที่รายได้จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวในช่วง 2562-1H63 จากฐานที่ต่ำ ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อในปัจจุบันอยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท (+24% YTD) (สินเชื่อจำนำทะเบียน +46% สินเชื่อ leasing +12%) ใน 1H63 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อทรงตัวอยู่ที่ 21% (โดยสินเชื่อจำนำทะเบียนอยู่ที่ 16% และสินเชื่อ leasing อยู่ที่ 21.3%) ทั้งนี้ จากต้นทุนทางการเงินที่ 5.5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจึงยังคงอยู่ที่ประมาณ 15-16% การที่บริษัทพยายามจะเพิ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน และแยกธุรกิจนี้ออกไปในสามปีข้างหน้า ทำให้บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มสินเชื่อกลุ่มนี้อีก 3x ก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนใน SET เราใช้สมมติฐานว่าสินเชื่อของบริษัทจะโต 50%/30%/20% ในปี 2563/64/65 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนทรงตัว

NPL ลดลงเรื่อย ๆ แต่ยังต้องดูกันต่อไป

สัดส่วน NPL ลดลงจาก >10% ในปี 2561 เหลือ 9% ในปี 2562 และเหลือ 6.5% ในปัจจุบัน จากการติดตามหนี้เสียได้มากขึ้น และการ write-off NPL ทั้งนี้ SINGER ตั้งสำรองลดลงเนื่องจากมาตรฐานบัญชี IFRS9 เปิดโอกาสให้บริษัทตั้งสำรองก้อนใหญ่ไปแล้วในเดือนมกราคม 2563 ซึ่งทำให้ credit cost ต่ำ<2% ใน 1H63 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า credit cost ตามปกติในปี 2563-65 จะอยู่ที่ 5.5%

ประเมินราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาท (P/E ที่ 16x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว) แนะนำให้ซื้อ

เราใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อ และยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้ าในบ้านที่ 5% แต่อย่างไรก็ตาม เราใช้สมมติฐานว่าสัดส่วน NPL จะยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 8.5% ของสินเชื่อรวม และประมาณ credit cost ที่ 5.5% เราคาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งถึง +140%/+23% ในปี
2563/64 เราประเมินราคาเป้าหมายโดยอิงจาก P/E ที่ 16x เท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ

Risks

การแปลงสภาพวอร์เพิ่มจำนวนหุ้น 15% ปี 2564 และ 16% ปี 2566 อัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังต่ำ NPL >10% ของสินเชื่อ ทำให้คชจ.สำรองเพิ่มกว่าคาดการณ์