Rebound

Rebound

ดัชนีวานนี้ปรับตัวลงแรงกว่า 20 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ โดยคาดว่า นลท.ส่วนใหญ่ลดพอร์ตการลงทุนในระหว่างการดีเบตเพื่อหาเสียงระหว่างทรัมป์-ไบเดน

ประกอบกับตลาดภายในประเทศมีความเสี่ยงจากการปรับเกณฑ์ CELING/FLOOR และ Short Sales ในวันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,237.04 จุด -20.30 จุด -1.61% มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นลบ. ต่างชาติ -4,013.61 ลบ. TFEX -6,865 สัญญา ตราสารหนี้ +2,554 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 329.04 จุด +1.20% ขานรับข้อมูลศก.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ว่าจะบรรลุข้อตกลงออก มาตรการกระตุ้นศก.รอบใหม่
+ราคาน้้ามันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 93 เซนต์ +2.4% ปิดที่ 40.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสต็อกน้้ามันดิบของสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
+สหรัฐเผย GDP Q2/63 ประมาณการครั้งสุดท้าย -31.4% ดีกว่า -31.7% #2 และ -32.9% #1 คาดพุ่ง 30% ใน Q3
+ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐในเดือนก.ย. สูงกว่าคาด
+สหรัฐเผยดัชนีการท้าสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายสูงเป็นประวัติการณ์ในส.ค.
+สถาบันคุ้มครองเงินฝากระบุฐานะการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยจากที่มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงถึง 19.2% ยอดเงินฝากพุ่งต่อเนื่อง 1H63

ปัจจัยลบ

-โพลล์ของ CNN กลุ่มตัวอย่าง 60% มองว่าไลเดนท้าได้ดีกว่าทรัมป์ซึ่งได้คะแนนสนับสนุน 28%
+/-ตลาดหุ้นญี่ปุ่นประกาศระงับซื้อขายเช้านี้ หลังพบปัญหาเกี่ยวกับเครือข่าย
+/-สทท.เผยดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยว Q3/63 ดีขึ้นกว่าคาด แต่ยังต่้ากว่าปีก่อน
-ธปท.คาด GDP ไทยช่วง Q3/63 หดตัวราว -8.5% และยังหดตัวจนถึง Q1/64 ก่อนฟื้น Q2/64 ประเมินว่าการไร้ รมว.คลังท้าโครงการสะดุด
-เงินบาทเปิด 31.60 แข็งค่าจากวานนี้ที่ปิด 31.64
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 6.31 จุด -0.20%
-ดัชนีนิกเกอิปิดลดลง 353.98 จุด -1.50%

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยคาดว่าท้าเนียบขาวและสภา คองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ ขณะที่ในประเทศมีแรงกดดันจากเกณฑ์ Short Sell และ Ceiling/Floor จะเริ่มกลับมาวันนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,230-1,250 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• iPhone 12 เตรียมขายเดือนต.ค. (COM7 SPVI CPW SYNEX JMART)
• ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นหลังคลาย Lockdown (PSL RCL TTA)
• หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการ 3Q20 เติบโตต่อเนื่อง (WICE XO TACC SPVI)

หุ้นรายงานพิเศษ

MICRO  IPO 2.65 บาท : First Day Trade

• ประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ (Refinance) โดยการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้เพื่อใช้ช้าระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2564 ที่ 3.46 บาทต่อหุ้น

• อุตสาหกรรมสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองปี 2559-2562 มีการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปีซึ่งสูงกว่ารถบรรทุกมือหนึ่งที่เติบโตเพียง 2%ต่อปี ปัจจุบัน MICRO มีส่วนแบ่งตลาดรถบรรทุกมือสองเพียง 5.5% และอีกราว 30% ครองส่วนแบ่งตลาดโดยบริษัท THANI และ ASK ดังนั้น จึงเหลือส่วนแบ่งตลาดผู้ประกอบการท้องถิ่นอีกกว่า 60% ซึ่ง บริษัทสามารถเข้าไปแข่งขันได้ ประกอบกับ DE Ratio ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1 เท่าจึงมีข้อได้เปรียบในแง่ของการระดมทุนจากสถาบันการเงินเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

• คาดการณ์ก้าไรปี 2563-2564 เติบโตเฉลี่ย (CAGR) 30%ต่อปี หลังได้เงินทุนใหม่จาก IPO คาดคาดว่าจะมี Loan growth ราว 29%YoY สู่ 2.49 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะเร่งปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกมือสองเพิ่มขึ้นหลังได้รับเงิน IPO และคาดว่าต้นทุนทางการเงินจะ คาดการณ์ก้าไรปี 2563 อยู่ที่ 142 ลบ. เติบโต 28 %YoY และคาดการณ์รายได้และก้าไรปี 2564 ที่ 447 ลบ.(สมมติฐาน Loan Growth 17% สู่ 2.93 พันล้านบาท) และ 186 ลบ. เติบโต 23% และ 31% ตามล้าดับ

หุ้นมีข่าว

(+) MC (Bloomberg Consensus 10.62 บาท) กางแผนปีนี้ (ก.ค. 63-มิ.ย. 64) ปั๊มรายได้เติบโต 10-12% ตอกย้้าการเป็นหุ้นเติบโต-ปันผลสูง พร้อมทุ่มงบลงทุน 400 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้า-ซื้อกิจการเสริมแกร่งออนไลน์ ซุ่มเจรจาซื้อกิจการ 2-3 ราย คาดสรุปในปี 64 (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+/-) DIF (Bloomberg Consensus 17.55 บาท) TRUE เตรียมขาย DIF อีก 3.28% ไตรมาส 4/63 ขณะที่วานนี้ท้าบิ๊กล็อตขายไป 298 ล้านหน่วย คิดเป็น 2.804% น้าไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ด้านผู้บริหารกองทุนยันจ่ายปันผลเท่าเดิมไม่มีลด โบรกฯ คาดทั้งปี 1.04 บาทต่อหน่วย อัพไซด์เพิ่มกว่า 3.2 บาท ขณะที่ดิวิเดนด์ยีลด์พุ่ง 7.5% ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท (ที่มา มิติหุ้น)

(+) TKN (Bloomberg Consensus 12.40 บาท) สัญญาณบวกจากการเตรียมเปิดประเทศวันที่ 8 ต.ค.2563 มั่นใจยอดขายจีนกลับมาเทิร์นอะราวด์ ไตรมาส 4/2563 พร้อมยอมรับภาพรวมยอดขายรวมปี 2563 ไม่โต โดยหันมาปรับกลยุทธ์เน้นโฟกัสต้นทุนสาหร่าย และรวมโรงงานทั้ง 2 แห่งเข้าด้วยกัน คาดช่วยหนุนก้าไรปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JMT (Bloomberg Consensus 37.13 บาท)เตรียมแผนซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มราว 6,000-10,000 ล้านบาท ในปี 2564 หลังมองสถาบันการเงินมีโอกาสขายหนี้ออกมาจ้านวนมาก ขณะที่การจัดเก็บหนี้ในช่วงที่ผ่านมาของบริษัทยังมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัท มั่นใจผลงานปีนี้เป็น All Time High อีกครั้ง (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

   ในประเทศ 

1 ต.ค. ประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่

   ต่างประเทศ

1 ต.ค. อียูเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. และอัตราว่างงานเดือนส.ค.สหรัฐเปิดเผยจ้านวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

2 ต.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.