ปิดฉาก “เสื้อแดง” แปลงเป็น “เสื้อส้ม”

การปรับโครงสร้างใหม่ของ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) ท่ามกลางกระแสข่าว “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ คู่ชีวิตของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สังคมรับรู้กันดีว่า ที่ต้องหย่าขาดกันด้วยเหตุทางนิตินัย

เมื่อผู้มีอำนาจตัวจริงอย่าง “คุณหญิงอ้อ” ส่งสัญญาณการเมือง ผ่านคนสนิทระดับ “บิ๊กเนม” ของพรรคเพื่อไทย ทำให้อีก "คุณหญิง”  จำใจต้องโบกมือลา เดินกันคนละทาง โดย “คุณหญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลุกออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยทันที

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ก็มีบรรดา “ข่าวปล่อย” ตามมา สารพัดสูตร ทั้งเตรียมจับมือเข้าร่วมรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ข่าวต้้งทีม “โปลิตบูโร” ซึ่งไม่ได้มาจากฝ่ายตรงข้าม แต่กลับออกมาจากคนในพรรค

การปรับโครงสร้าง คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ จะได้เห็นว่า ใครเป็นใครในวันนี้ (1 ตุลาคม) และเรียกได้ว่า “สายตรงคุณหญิงอ้อ” รวมถึงจะได้เห็นถึงทิศทางใหม่ของพรรค 

การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทย รวมถึงแนวทางการเมืองครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ย่อมมีผลกระทบต่อมวลชนกลุ่มฐานเสียงสำคัญ อย่าง “กลุ่มคนเสื้อแดง”  “นปช.” แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  ซึ่งยกระดับมาจากชื่อเดิม นปก. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ

ย้อนที่มาของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” ก็จะพบว่า ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 เริ่มแรกเดิมที มี วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ และ หมอเหวง โตจิราการ เป็นแกนนำ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า “กลุ่มคนเสื้อแดง” มีความเกี่ยวพันกับ อดีตนายกฯ “ทักษิณ  ชินวัตร” โดยคาดหวังที่จะใช้เคลื่อนไหว สร้างแรงต่อรองนอกสภา

“ทักษิณ” ปรากฎตัวผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ มายังเวทีชุมนุมของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” หลายครั้ง หลายครา โดยเฉพาะในช่วงการจัดชุมนุมปี 2551-2553 เพื่อปลุกแฟนคลับ-มวลชน ขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ฉะนั้นท่อน้ำเลี้ยงหลักของ “กลุ่มคนเสื้อแดง” จึงถูกเข้าใจว่า มีที่มาจาก “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร-นักการเมืองพรรคเพื่อไทย” ดังนั้นเมื่อ คุณหญิงอ้อ-พรรคเพื่อไทย ตกอยู่ในสถานการณ์ จำเป็นต้องเปลี่ยนบทเล่น กำหนดทิศทางการเมืองใหม่ และรีแบรนด์พรรค “กลุ่มคนเสื้อแดง” จึงได้รับผลกระทบโดยตรง

เพราะหาก “ท่อน้ำเลี้ยง” หยุดไหล บรรดา “แกนนำระดับยุทธศาสตร์" อาจต้องลดบทบาทของตัวเองลง ถึงแม้บางคนอาจมีจุดยืนของตัวเอง ก็ยังพอรักษา “แฟนคลับ” เอาไว้ได้บ้าง แต่ยากเหลือเกินที่จะกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีพลังอีกครั้ง

ส่วนบรรดา “แกนนำระดับพื้นที่” ชะตากรรมไม่แตกต่างกัน จำใจต้องลดบทบาทลง จากเดิมที่ประเมินว่า พรรคเพื่อไทย-แกนนำคนเสื้อแดง จะร่วมด้วยช่วยกันกับ “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” ที่หนุน “ม็อบนักศึกษา” ร่วมขับไล่ “รัฐบาลบิ๊กตู่”

การชุมนุม 19 กันยายน ชุบหัวใจคนเสื้อแดงให้คึกคัก เตรียมกลับมาลงถนนอีกครั้ง ว่ากันว่า “แกนนำระดับพื้นที่” ไล่เช็คชื่อ จัดคิวขึ้นรถทัวร์มาร่วมชุมนุมที่สนามหลวง ส่วนบิลจะตกเบิกที่ใคร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ขอให้ได้เข้าร่วมชุมนุมโชว์พลังกันสักตั้ง

แต่เมื่อ “คุณหญิงอ้อ” มีแววออกโรงมาบัญชาการทัพเพื่อไทยด้วยตัวเอง พร้อมด้วยเงื่อนไขไม่สนับสนุนจุดยืน “ปฏิรูปสถาบัน” ของม็อบนักศึกษา และถอยฉากจากการสนับสนุน “กลุ่มคนเสื้อแดง” รวมทั้งเว้นระยะห่างจาก “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล” เพื่อวางแนวทางหลัก กลับมาเล่นการเมืองในสภา 

จึงดึงคนเก่าที่เคยร่วมก่อร่างสร้างพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ให้ยิ่งใหญ่ กลับมาช่วยงาน แม้คนสนิทจะเป็นกลุ่มคนเดือนตุลาฯ แต่ขีดเส้นชัดเจนไม่ยุ่งเกี่ยวกับขบวนการล้มสถาบันฯ 

ดังนั้นเครือข่าย “คนเสื้อแดง” หรือเครือข่าย “การเมืองฝ่ายซ้าย” ที่อิงแอบอยู่กับพรรคเพื่อไทย จึงถึงเวลาต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง

เช่นเดียวกับ “หมู่บ้านเสื้อแดง” ที่ “แรมโบ้อีสาน” สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับบัญชาตรงจาก “บิ๊กตู่” ปฏิบัติการสลายสีเสื้อ เดินสายทำพิธีปลดป้ายหมู่บ้านคนเสื้อแดง และคืนธงเก่า ส่งมอบธงใหม่ ให้แกนนำในพื้นที่ เพื่อ ”รวมไทย สร้างชาติ” จนครบ 77 จังหวัด โดยประกาศสลายตัวกลุ่มคนเสื้อแดงระดับพื้นที่เรียบวุธ

หลังจากนี้ “กลุ่มคนเสื้อแดง” มวลชนฐานเสียงเพื่อไทย คงยากที่จะไปต่อ เมื่อพรรคปรับทิศทาง และปิดตายไร้ท่อน้ำเลี้ยง จึงคงเหลือไว้แค่ตำนาน เหลือไว้แค่ “แดงอุดมการณ์” ที่ไม่แอบอิงผลประโยชน์ 

ทว่าเสื้อแดงเหล่านี้ มีโอกาสจะกลายร่าง ร่วมอุดมการณ์กับ “คนเสื้อส้ม” ได้ไม่ยาก แต่จะหาจังหวะออกมาอยู่ “หน้าฉาก”เมื่อไหร่ ต้องคอยลุ้น