“ทิสโก้” ปั้น “ที่ปรึกษาการเงิน” หนุนรายได้ขายประกันเป็นบวก

“ทิสโก้” ปั้น “ที่ปรึกษาการเงิน”  หนุนรายได้ขายประกันเป็นบวก

“ทิสโก้” สร้างมิติใหม่พร้อมส่ง “ที่ปรึกษาทางการเงิน” รุกบริการให้คำแนะนำประกันสุขภาพและโรคร้าย คาดมีทีมที่ปรึกษาครบทุกสาขาภายในปี64 และหนุนรายได้ขายประกันกลับมาเป็นบวก จากปัจจุบันชะลอตัวตามเศรษฐกิจ แต่ตลาดประกันสุขภาพยังมีโอกาสโต แนะลูกค้าแบ่งเงิน 5-10% ของรายได้ต่อปีสร้างความคุ้มครองดังกล่าว

นายพิชา รัตนธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ หรือ  TISCO เปิดเผยว่า ธนาคารวางเป้าหมายการเป็นผู้ให้คำแนะนำทางการเงินแก่ลูกค้าแบบ Holistic Advisory “หรือการแนะนำแบบองค์รวมโดยจากนี้ไปทิสโก้จะใช้ความเชี่ยวชาญช่วยให้คำแนะนำ รณรงค์ให้ความสำคัญตรงนี้อย่างจริงจังภายใต้ธีม"Change and Choose" หรือ "Life is Change, Choose Wisely" ที่ผลักดันให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญของประกันสุขภาพและเลือกได้ดีและเหมาะสมกับตัวเอง

เนื่องจากปัจจุบันคนให้ความสำคัญกับการซื้อประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงมากขึ้นกว่า100%ในช่วงที่ผ่านมาและยังมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต  แต่ยังปัญหาหนึ่งที่พบคือ การซื้อประกันที่ยังไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของตนเอง บางคนขาด บางคนเกิน และการเลือกซื้อประกันสุขภาพ ไม่ใช่ซื้อแค่มีไว้ก็พอแล้ว แต่ต้องดูถึงเนื้อใน ดูถึงความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล และเปรียบเทียบแล้วว่าให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดในตลาด ขณะที่ข้อมูลของผลิตภัณฑ์มีความซับซ้อนและยังมีข้อมูลให้เปรียบเทียบได้น้อย ดังนั้น ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะเข้ามาช่วยเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้ซื้อประกันได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมการดำเนินชีวิต และครอบคลุมสำหรับตัวเอง"

ขณะเดียวกันกันจุดเด่นของทิสโก้ที่แตกต่างจากในตลาดตอนนี้  คือแนวทางการขายแบบไม่จำกัดค่าย(Open Architecture)จากผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกันถึง 10 แห่ง และยังมีส่วนเข้าไปออกแบบในบางผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบโจทย์กับลูกค้าอย่างแท้จริง อาทิ ราคาอาจจะไม่สำคัญเท่าการรับประกันต่อกรมธรรม์แม้จะเคลมสูง เป็นต้น โดยเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงินของธนาคาร นอกจากจะมีไลน์เซนขายประกันแล้ว ยังมีไลน์เซนไฟแนนซ์เชียล แพลนเนอร์ด้วย คาดว่า ภายในสิ้นปี2564 จะมีเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาขายประกันครบทุกสาขา จากปัจจุบันมีแล้วเกินครึ่งของสาขาทั้งหมด600แห่ง และมีจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษามีไลน์เซนส์ไฟแนนซ์เชียล แพลนเนอร์ 1ใน3 จากปัจจุบันมีจำนวน 250 คน

ดังนั้นธนาคารมั่นใจว่า กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยหนุนให้รายได้จากขายประกันของธนาคารกลับมาเป็นบวกในปีหน้าจากที่ผ่านมาชะลอตัวลงไปบ้างจากภาวะเศรษฐกิจและยอดสินเชื่อที่ลดลง แต่ประกันสุขภาพยังเติบโตดี และโดยเฉพาะกลยุทธ์การให้คำปรึกษา จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ในระยะข้างหน้ากลับมาเติบโตเหมือนในอดีต

นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ หัวหน้าที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า คำถามสำคัญคือ ซื้อประกันสุขภาพอย่างไรให้ได้รับผลประโยชน์ที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด โดยหลักแล้วก็จะพิจารณาใน 6 จุด ได้แก่ 1.วงเงินคุ้มครอง ขั้นต่ำ3-5ล้านบาท สามารถรองรับค่ารักษาพยาบาลปรับขึ้นเฉลี่ย8%ต่อปีได้ 2.ค่าห้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างน้อย8,000-10,000บาทขึ้นไป  3.ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก(OPD)  เหมาะกับคนที่ไม่สวัสดิการบริษัท4.ลักษณะสัญญาการต่ออายุความคุ้มครองแบบปีต่อปี 5.อายุสูงสุด ควรเลือกแบบประกันอายุอย่างน้อย80ปี 6.การเลือกบริษัทประกันที่มั่นคง โดยธนาคารจะมีแบบประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงซึ่งยังมีรายละเอียดอีกหลากหลายที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล โดยแนะนำให้ลูกค้าแบ่ง5-10%ของรายได้ต่อปีมาซื้อความคุ้มครองดังกล่าว พบว่าประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงของธนาคารยังมีการเติบโตดี โดยเฉพาะค่าเบี้ยไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี สำหรับอายุ35ปี ตอบรับดีในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน