’บลูบิค’ แนะเร่งวางกลยุทธ์สู้โควิด ชู 3 เทคโนฯ พลิกวิกฤติ

’บลูบิค’ แนะเร่งวางกลยุทธ์สู้โควิด ชู 3 เทคโนฯ พลิกวิกฤติ

การแสวงหาทางลดต้นทุนทางธุรกิจ กลายเป็นเป้าหมายแรกของธุรกิจทั่วโลก

“ความต้องการลงทุนด้านดิจิทัลของภาคธุรกิจปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี กล่าว พร้อมประเมินว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลักของหลายองค์กร ทั้งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยในช่วงล็อกดาวน์ที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ 

ขณะเดียวกันเกิดผลกระทบต่อกระบวนการทำงานภายใน ที่เป็นไปอย่างยากลำบากหรือต้องหยุดชะงักลง กรณีที่องค์กรไม่ได้เตรียมความพร้อมให้พนักงานสามารถทำงานแบบรีโมท

“วิกฤติโควิดเป็นตัวเร่งให้องค์กรจำนวนมากต้องเร่งทรานส์ฟอร์มธุรกิจ เพื่อให้สามารถผ่านพ้นวิกฤติและเตรียมพร้อมรับมือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต”

ดึง ‘ดิจิทัล’ ช่วยลดต้นทุน

เขาวิเคราะห์ว่า สมัยก่อนองค์กรลงทุนด้านดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ แต่หลังเกิดการระบาดของโรค เป้าหมายของการลงทุนกลายเป็นเพื่อลดต้นทุนเป็นหลัก และเตรียมการรับมือวิกฤติที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลทำให้องค์กรต้องการลงทุนด้านดิจิทัลที่จับต้องได้ เห็นผลตอบแทนจากการลงทุนชัดเจน โดยเฉพาะแง่ลดต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากรายงานของสำนักวิจัยหลายแห่งพบว่า การแสวงหาทางลดต้นทุนทางธุรกิจ กลายเป็นเป้าหมายแรกของธุรกิจทั่วโลกภายใน 12 เดือนข้างหน้า จำนวนธุรกิจที่มีเป้าหมายดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากช่วงก่อนการระบาด

อย่างไรก็ดี แม้จำนวนธุรกิจที่ต้องการลงทุนจะมีมากขึ้น ทว่าเม็ดเงินลงทุนด้านดิจิทัลมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนจะลดลงประมาณ 30% และรูปแบบการลงทุนจะเน้นที่โครงการขนาดเล็กซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการได้เร็ว

สำหรับเทคโนโลยีที่องค์กรธุรกิจสามารถนำไปประยุกต์ เพื่อช่วยบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 3 เทคโนโลยี ได้แก่ คลาวด์, อาร์พีเอ (Robotic Process Automation), ปัญญาประดิษฐ์และแมชีนเลิร์นนิง

โดยคลาวด์ ช่วยให้องค์กรสามารถลดต้นทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย รวมถึงความยุ่งยากในการติดตั้ง การดูแลรักษาระบบ ประหยัดเวลา และยังมีความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่าย เนื่องจากส่วนใหญ่คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง แต่ทั้งนี้การย้ายไปใช้งานระบบคลาวด์จำเป็นต้องประเมินขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีขององค์กรอย่างรอบคอบ เลือกกลยุทธ์และวางแผนเพื่อให้การประยุกต์ใช้งานเหมาะสมกับองค์กรมากที่สุด

ปัจจุบันการประยุกต์ใช้คลาวด์มี 3 รูปแบบ คือ 1. บริการโครงสร้างพื้นฐานและระบบจัดเก็บข้อมูล หรือทำหน้าที่แทนเซิร์ฟเวอร์ (Infrastructure-as-a-Service: IaaS) 2. บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับซอฟต์แวร์ (Platform as a Service: PasS) และ 3.บริการซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่น (Software as a Service: SaaS)

เอไอ’ เครื่องมือลดความเสี่ยง

ด้านอาร์พีเอ คือระบบการทำงานแบบอัตโนมัติโดยใช้หุ่นยนต์มาทำงานแทนคน ซึ่งสามารถใช้จัดการงานที่ต้องตรวจสอบข้อมูลชุดเดียวกันหลายครั้งและงานที่ต้องทำซ้ำกันตามช่วงเวลา เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมีค่าจ่ายใช้ที่ต่ำกว่าและรวดเร็วกว่าการจ้างคนมาดูแลจัดการ

ทั้งนี้ อาร์พีเอสามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลากหลายภาคส่วนของธุรกิจ อาทิ งานจัดการข้อมูลพนักงานของฝ่ายเอชอาร์ งานตรวจสอบการเบิกจ่ายของฝ่ายบัญชี รวมไปถึงด้าน อีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยตรวจดูและเปรียบเทียบราคาสินค้า รวมถึงวางตารางกำหนดการส่งสินค้าและติดตามการขนส่ง หรือกรณีสถาบันการเงินที่ใช้ในกระบวนการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence) เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มและโอกาสที่ลูกค้าเสี่ยงจะฟอกเงิน

ส่วนปัญญาประดิษฐ์และแมชีนเลิร์นนิง ช่วยลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดที่เกิดจากคน วิเคราะห์การตัดสินใจทางธุรกิจได้ถูกต้องแม่นยำโดยอิงกับข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งส่งผลให้องค์กรสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การลงทุนใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดต้นทุนเป็นสิ่งที่พูดกันมากขึ้น แต่ก่อนตัดสินใจดำเนินการธุรกิจต้องคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าแนวทางแบบใดที่จะช่วยลดต้นทุนได้จริง ทำแล้วไม่กระทบรายได้ เพราะหากทำแล้วส่งผลกระทบต่อองค์กร จะไม่ถือว่าเป็นการลดต้นทุนอย่างแท้จริง