คลังคาด 'คนละครึ่ง' หนุนจีดีพี 0.25%

คลังคาด 'คนละครึ่ง' หนุนจีดีพี 0.25%

คลังชี้โครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี​ โดยจะสามารถเติมเม็ดเงินเข้าระบบ​ถึง​ 8.1 หมื่นล้านบาท​ ดันจีดีพีเพิ่ม​ 0.25%

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มติเห็นชอบโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการคนละครึ่ง ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ เพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนไปยังร้านหาบเร่ แผงลอยจำนวน 24 ล้านราย ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้รายได้ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงอย่างมาก

"เชื่อว่า ทั้ง 2 โครงการนี้ จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย และช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ จากการเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.1 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 24 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563 และส่งแรงขับเคลื่อนต่อเนื่องไปยังปี 2564 ได้ด้วย"

สำหรับโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านราย จะมีการช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563 เป็นวงเงินรวม 2.1​ หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินส่วนนี้คาดการณ์ว่า จะก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ

ส่วนโครงการคนละครึ่งจำนวน 10 ล้านราย โดยภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ผ่านฝ่ายของผู้ซื้อ 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3 พันบาทต่อคนตลอดระยะเวลาโครงการ เป็นวงเงินรวม 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งการร่วมจ่ายคนละครึ่งนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และจะช่วยเติมกำลังซื้อของประชาชนเพื่อให้มีการใช้จ่ายหมุนเวียนไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างต่อเนื่องเป็นเงิน 6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้​ ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.2563 เวลา 06.00 น.– 23.00 น. โดยผู้ได้รับสิทธิ์ต้องยืนยันตัวตนผ่าน g-Wallet แอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” อีกขั้นตอนหนึ่งด้วย จึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับสิทธิได้ ซึ่งการใช้จ่ายจะมีช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2563 ในเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ซึ่งผู้ได้รับสิทธิ์จะต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ตนได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ์หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์และไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก โดยสิทธิ์ที่ถูกตัดจะนำไปเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ต่อไป

สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 เวลา 06.00 น. – 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขาธนาคารกรุงไทย โดยธนาคารกรุงไทยจะช่วยติดตั้งแอพลิเคชั่น “ถุงเงิน” เพื่อใช้ในการรับชำระเงินจากการขายสินค้า

โดย นายลวรณ​ แสงสนิท​ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า​ โครงการนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม​ 0.25%