รมว.ศธ.เล็งตั้งคณะกรรมการควบคุมฯ แก้ปัญหาครูทำร้ายเด็ก

รมว.ศธ.เล็งตั้งคณะกรรมการควบคุมฯ แก้ปัญหาครูทำร้ายเด็ก

รมว.ศธ.สั่งสช.เร่งช่วยเหลือเยียวยาเด็ก ผู้ปกครองกรณีครูทำร้ายเด็กสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เตรียมตั้งคณะกรรมการควบคุมฯ หากแก้ปัญหาไม่ได้

วันนี้ (29 ..2563 ) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงกรณีความรุนแรง การทำร้ายเด็กเล็กในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เร่งแก้ปัญหาทุกเรื่องที่เกิดขึ้น พบว่ามีประเด็นปัญหาใน 3 เรื่องหลักๆ คือ 1.เรื่องการทำร้ายเด็ก ถือว่าผิดกฎระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้มีการกำหนดไว้ชัดเจน ว่าการลงโทษนักเรียนสามารถปฎิบัติได้ดังนี้ ว่ากล่าวตักเตือน  ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งหากสถานศึกษาใด หรือบุคลากรในสถานศึกษาได้กระทำการลงโทษนักเรียนนอกเหนือจากนี้ถือว่าเป็นการละเมิดนักเรียน  และต้องพิจารณาลงโทษบุคลากรเหล่านี้ตามระเบียบ และกฎหมาย

2. เรื่องพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่มีหน้าสอนหนังสือเด็ก และหากให้มาสอนหนังสือ จะถือว่าเป็นการกระทำผิด และ 3.เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียม ต้องเป็นไปตามการขอกำหนดที่ทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศไว้

รมว.ศธ. กล่าวต่อว่าสำหรับกรณีที่โรงเรียนมีการเปิดรับนักเรียนห้อง EP เกินจำนวนนั้น ตามหลักการขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนนั้น ผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้งจะต้องมีการยื่นสถานที่จัดตั้ง จำนวนห้องเรียน ชั้นเรียนจำนวนนักเรียน จำนวนครูผู้สอน หลักสูตรให้ชัดเจน และเป็นไปตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ถึงจะออกใบอนุญาตจัดตั้งให้ ดังนั้น กรณีนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ก็หาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป

"ได้มอบหมายให้เลขาธิการกช.ติดตามเรื่องนี้อย่างเข้มงวด และช่วยเหลือเยียวยาเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งหากมีโรงเรียนดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ก็อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปควบคุม เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและไม่ปฎิบัติตามกฎระเบียบ ส่วนเรื่องของใบประกอบวิชาชีพครู  ต้องไปพิจารณาดูว่าครูในโรงเรียนดังกล่าวมีใบประกอบวิชาชีพครู หรือไม่อย่างไร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ครุสภาต้องเร่งตรวจสอบ นอกจากนั้น การติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกห้อง เรื่องนี้ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นเดียวกัน เนื่องจากเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กและตามหลักสากลจะไม่มีติดตั้งกล้องวงจรดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศร่วมด้วย" นายณัฏฐพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเครือสารสาสน์นั้น ตนเองได้ติดตามทุกเรื่องที่มีการร้องเรียนมา และสช.ได้เข้าไปตรวจสอบ รวมถึงจะต้องไปพูดคุยกับผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน ส่วนการจะปิดโรงเรียนหรือไม่ คงต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของครูที่ไม่เกี่ยวข้อง และเด็กที่ไม่ได้ถูกกระทำ อาจจะทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่อง

ต่อมา เวลา 15.40 น.นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่าขณะนี้ คุรุสภาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ซึ่งในวันที่30..นี้ คณะกรรมการฯชุดนี้ จะลงพื้นที่ตรวจใบอนุญาตฯครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ทั้งหมด 120 กว่า คน ซึ่งหากตรวจพบ ไม่มีใบอนุญาตฯเจ้าหน้าที่คุรุสภาจะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เพราะคนที่จะมาเป็นครูผู้สอน จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ที่ออกโดยคุรุสภา ถ้าหากไม่มีถือว่าเป็นครูเถื่อน มีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน3ปี ปรับไม่เกิน60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ สำหรับกระบวนการสืบสวนนั้น รมว.ศธ.ได้มีนโยบายในเรื่องการสอบสวน โดยเดิมมีการกำหนดไว้ระยะเวลา180วัน มีการแก้ไขข้อบังคับการสอบสวนจะลดระยะเวลาเหลือเพียง90วัน ซึ่งแม้เรื่องนี้จะไม่มีการออกประกาศชัดเจนแต่การดำเนินการเรื่องนี้ จะไม่ช้าอย่างแน่นอน