การเมืองป่วนระบบการเงินหนุนบ.จีนระดมทุนบ้านเกิด

การเมืองป่วนระบบการเงินหนุนบ.จีนระดมทุนบ้านเกิด

การเมืองป่วนระบบการเงินหนุนบ.จีนระดมทุนบ้านเกิด โดยช่วงที่ผ่านมา บริษัทจีน8แห่งที่มีมูลค่าตลาดเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์เข้าจดทะเบียนตลาดที่สองในตลาดหุ้นฮ่องกง

ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นมา มีบริษัทจีน8แห่งที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ ตัดสินใจจดทะเบียนเพิ่มในตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบรรยากาศทางธุรกิจที่มีความเป็นมิตรน้อยลงระหว่างบริษัทอเมริกันและบริษัทจีน สวนทางอย่างสิ้นเชิงกับก่อนหน้านี้ ที่ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นตลาดหุ้นในฝันที่บรรดาบริษัทจีนอยากเข้าไประดมทุนมากที่สุด

"รีฟินิทีฟ" ระบุว่า บริษัทจีนทั้ง8แห่งที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หรือตลาดหุ้นแนสแด็ก ตั้งแต่เดือนพ.ย.ได้เข้าจดทะเบียนตลาดสองในตลาดหุ้นฮ่องกงโดยระดมทุนได้รวมทั้งสิ้น 25.6 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทเหล่านี้ มีมูลค่าทางตลาดรวมทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซ อย่างอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง จำกัด และยัม ไชนา โฮลดิงส์ จำกัด ซึ่งบริหารธุรกิจภัตตาคารรายใหญ่สุดของจีน

ที่ผ่านมา คณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐ ที่ประกอบด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจย์ เคลย์ตัน ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (เอสอีซี) เสนอให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอดบริษัทจีนออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ หากบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบบัญชีของสหรัฐได้ภายในเดือนม.ค. 2565

ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้มอบหมายให้คณะทำงานกลุ่มนี้ ร่างรายงานแนะนำแนวทางเพื่อคุ้มครองนักลงทุนสหรัฐจากบริษัทของจีนซึ่งไม่ได้มีการเปิดเผยเอกสารการตรวจสอบบัญชีแก่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐ ทั้งๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดสหรัฐ ในขณะที่บริษัทสหรัฐต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าว

เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังรายหนึ่ง เปิดเผยว่า สหรัฐเพียงแต่ต้องการให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐนั้นปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันกับบริษัทจากชาติอื่นๆ โดยเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านร่างกฎหมายซึ่งอาจทำให้บริษัทสัญชาติจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐถูกเพิกถอนออกจากตลาด นอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอาจจะทำให้บริษัทจีนจำนวนมากไม่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ หรือระดมเงินทุนจากนักลงทุนชาวอเมริกันได้ในอนาคต

ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดว่า บริษัทสัญชาติจีนที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐต้องไม่ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยรัฐบาลต่างชาติ นอกจากนี้ บริษัทสัญชาติจีนจะต้องยื่นรายงานด้านการเงินเพื่อให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการบัญชีของบริษัทจดทะเบียนทำการตรวจสอบบัญชี โดยคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของบริษัทสหรัฐทุกแห่งที่ต้องการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

“ปรากฏการณ์ลดการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐแม้จะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่สะท้อนถึงพัฒนาการการทำสงครามทางการเงินระหว่างสหรัฐและจีนที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ”จอร์จ แม็กนัส นักวิจัยจากไชนา เซนเตอร์ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด กล่าว พร้อมทั้งเสริมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่าปัญหาการเมืองบั่นทอนระบบการเงินของสองประเทศอย่างไร ทั้งยังมีปัญหาความตึงเครียดที่มีปมมาจากเรื่องอื่นๆ เช่น การลงทุนของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐในสินทรัพย์จีน และการหารือเพื่อตัดจีนออกจากระบบการจ่ายเงินระหว่างประเทศ

การที่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียน ประกอบกับการทำไอพีโอของบริษัทจีนอื่นๆ เป็นส่วนหนึ่งของแนวนโยบายของเหล่าผู้นำจันที่ต้องการผลักดันให้ตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางการเงินหลักและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก ซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์แก่บรรดาวาณิชธนกิจที่เข้ามาทำหน้าที่ให้คำปรึกษาในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียน รวมทั้งโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

“ถ้าดูจากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น เราจะเห็นว่ามีบริษัทเทคโนโลยีจีนรายใหญ่มากขึ้นที่มีแนวโน้มเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้หรือปีหน้ามากกว่าในตลาดหุ้นสหรัฐ”ทักเกอร์ ไฮจ์ฟิลด์ หัวหน้าแผนกตลาดหุ้นประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจากแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ปกล่าว

160134243010

ขณะที่โธมัส แกตลีย์ นักวิเคราะห์จากกาวีคัล บริษัทวิจัยทางการเงินและบริหารจัดการด้านการเงินในฮ่องกงมีความเห็นว่า บางทีผู้ชนะรายใหญ่สุดอาจเป็นภาคการเงินในฮ่องกงและในเซี่ยงไฮ้ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลดีต่อบรรดานักลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดอย่างตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้

ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ เริ่มเปิดตัวตลาดรูปแบบเดียวกับตลาดหุ้นแนสแด็กของสหรัฐที่เน้นเทรดหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลักตั้งแต่ปีที่แล้ว และดึงดูดบริษัทต่างๆเข้าไปทำไอพีโอได้ 180แห่ง และราคาหุ้นของบริษัทส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ทำให้ตลาดมีมูลค่าโดยรวม 722 พันล้านหยวน หรือเท่ากับ 106 พันล้านดอลลาร์

เมื่อเดือนก.ค.บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป (เอสเอ็มไอซี)ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของจีน นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดสตาร์ของจีน ระดมทุนได้ 53.2 พันล้านหยวน หรือเท่ากับ 7.79 พันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทได้เข้าทำไอพีโอ ที่ตลาดหุ้นจีนเมื่อปี 2547 ก่อนจะถอนตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว

“จี้ซุน ฟุ” หุ้นส่วนของจีจีวี แคปปิตัล บริษัทลงทุนระหว่างประเทศมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ ให้ความเห็นว่า ขณะนี้มีบริษัทขนาดใหญ่ของจีนมากขึ้นที่เตรียมเดินตามรอยบริษัทแอนท์ ด้วยการเข้าจดทะเบียนครั้งที่2ในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้