ศึกชิงหุ้น‘มั่นคง’ส่อปะทุ ‘ฟินันซ่า’ ตั้งโต๊ะรับซื้อ 3.1 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ประเมินดีลเทนเดอร์โอกาสสำเร็จน้อย เหตุราคาต่ำกว่าครั้งก่อน ขณะที่ผลประกอบการยังส่อขาดทุนก่อนพลิกมีกำไรไตรมาส 1 ปี 2564

ประเด็นเทคโอเวอร์ บริษัท มั่นคง เคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง หลังจากเมื่อปลายปี 2561 ประทีป ตั้งมติธรรม ซึ่งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งของ MK ในเวลานั้น และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI พยายามส่งบริษัทในเครืออย่าง บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด (SPM) เข้าเทคโอเวอร์ MK แต่ผลปรากฏว่ามีผู้ถือหุ้นอื่นขายหุ้นให้เพียง 0.3% เท่านั้น แม้ว่าจะเสนอซื้อที่ราคา 4.10 บาท สูงกว่าราคากระดานในช่วงนั้น

มารอบนี้ กลับเป็นฝั่งของ บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS เป็นฝ่ายที่จะขอลองเทคโอเวอร์หุ้น MK ดูบ้าง ในฐานะที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ MK ในปัจจุบัน ด้วยสัดส่วนการถือครอง 18.8% โดยที่ประชุมคณะกรรมการของ FNS ได้มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ MK ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่นทั้งหมด รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 892.57 ล้านหุ้น ในราคาไม่เกินหุ้นละ 3.10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,766.99 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น MK วานนี้(28ก.ย.) ปรับเพิ่มขึ้นทันทีตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดภาคเช้า และมาปิดตลาดที่ 3.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.24 บาท หรือ 8.57%

นายประทีป ตั้งมติธรรม ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของ MK ในสัดส่วน 12.22% เปิดเผยว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้น MK ที่ถืออยู่ หลังฟินันซ่าเตรียมประกาศทำเทนเดอร์ โดยมองว่าธุรกิจของ MK ยังมีศักยภาพที่จะเติบโต

ด้าน นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า การตัดสินใจทำเทนเดอร์ของ FNS ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทได้รับเงินสดเข้ามาราว 2 พันล้านบาท หลังจากขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT)

ก่อนหน้านี้กลุ่มของคุณประทีปและกลุ่มฟินันซ่า ถือหุ้นของ MK ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งการทำเทนเดอร์นี้ครั้งนี้น่าจะเพื่อการแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่ากลุ่มฟินันซ่าต้องการจะเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MK ซึ่งปัจจุบันหากรวมสัดส่วนของผู้ถือหุ้นที่อยู่กลุ่มเดียวกัน น่าจะมีสัดส่วนราว 39%

 “แต่โอกาสที่การทำเทนเดอร์ครั้งนี้จะประสบความสำเร็จน่าจะน้อย เพราะเมื่อดูจากครั้งที่ผ่านมา (ซึ่งทำโดยประทีป ตั้งมติธรรม) และราคาเสนอซื้อที่ 3.10 บาท ต่ำกว่าครั้งก่อนที่ 4.10 บาท แต่แม้จะไม่สำเร็จ เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการบริหาร เพราะปัจจุบันกลุ่มฟินันซ่ามีอำนาจในการบริหารงานอยู่แล้ว และเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมของบริษัทอยู่ด้วย”

ในแง่ภาพรวมธุรกิจของ MK โดยรวมแล้ว ผลประกอบการครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3 ปีนี้ ภาดล มองว่า การขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง (ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562) นำไปสู่การปรับลดประมาณการผลการดำเนินงานปี 2563 โดยปรับลดกำไรปกติลงจากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน 50 ล้านบาท เป็นขาดทุน 176 ล้านบาท เนื่องจากการใช้โปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง กดดันอัตรากำไรขั้นต้น และการขายสิทธิในการเช่าให้กับ PROSPECT จะทำให้รายได้การเช่าในครึ่งปีหลังลดลงราว 30% จากครึ่งปีแรก มาเป็น 195 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การนำเงินสดจากการขายสิทธิในการเช่าโครงการ BFTZ ไปชำระหนี้สินระยะยาวราว 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายในปี 2564 จาก 395 ล้านบาท เป็น 324 ล้านบาท จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564 จาก 117 ล้านบาท เป็น 176 ล้านบาท โดยรวมให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2564 ที่ 3.60 บาท เชิงกลยุทธ์แนะนำเข้าลงทุนหลังประกาศงบไตรมาส 4 หลังรายได้จากการเช่าฟื้นตัวใกล้เคียงสภาวะปกติ และโครงการ Wellness ที่เริ่มเปิดให้บริการ เป็นปัจจัยสำคัญคาดหนุนผลประกอบการให้พลิกกลับมาเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2564