‘มอนิ่งสตาร์’ ชี้ตลาดขาลง เน้น ‘กองทุน’ สอดรับความเสี่ยง

‘มอนิ่งสตาร์’ ชี้ตลาดขาลง  เน้น ‘กองทุน’ สอดรับความเสี่ยง

มอร์นิ่งสตาร์ จับทิศลงทุน “กองหุ้นไทย” ช่วงตลาดไม่สดใส แม้กองทุนยิ่งเสี่ยง ผลตอบแทนยิ่งสูง แต่มีโอกาสผลตอบแทนหดตัวมากกว่ากองทุนอื่น กระทบพอร์ตลงทุนลงทุนระยะยาวได้ ย้ำเน้นการลงทุนตามความเสี่ยงเป็นหลัก ขณะที่ 5กองทุนหุ้นใหญ่ผลตอบแทนมาแรง

 "ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์กองทุน ประจำประเทศไทย บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ(ประเทศไทย) ระบุ ในช่วงที่ตลาดไม่สดใสนักลงทุนควรให้น้ำหนักกับการพิจารณาการลงทุนตามความเสี่ยงการลงทุนเป็นสำคัญ เพราะถ้าหากเลือกการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและกระทบกับผลตอบแทนพอร์ตการลงทุนในระยะยาวได้ เนื่องจากการลงทุนแบบ “High Risk, High Return” หรือ กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงอาจเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนอื่น และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงผลตอบแทนหดตัวมากกว่ากองทุนอื่นในภาวะดังกล่าวได้

โดยทางมอร์นิ่งสตาร์ ได้ศึกษา “กองทุนหุ้นไทย” และในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้นักลงทุนอาจต้องการกองทุนที่จะสามารถฟื้นตัวได้หลังจากที่ผ่านช่วงเดือนมี.ค.ที่ดัชนีอยู่ในระดับต่ำ จึงใช้กลุ่มหุ้นไทยขนาดใหญ่ ( Equity Large-Cap ) เป็นตัวอย่างพบว่า กองทุนที่ฟื้นตัวตามตลาดได้ดีจะมีลักษณะที่คล้ายกันคือ มี Morningstar Risk Rating อยู่ในระดับสูง (High) ซึ่ง Morningstar Risk นี้เป็นส่วนหนึ่งในการคำนวณเรตติ้งดาวที่นักลงทุนคุ้นเคย โดยเป็นการบอกถึงความเสี่ยงเชิงลบของกองทุนว่ามากน้อยเพียงใด

อีกทั้งได้ศึกษาค่า Up Capture Ratio ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบผลตอบแทนกองทุนกับดัชนีอ้างอิงในช่วงตลาดฟื้นตัว ยกตัวอย่างเช่น หากกองทุนหุ้นไทยมีค่า Upside Capture Ratio ที่ 110 หมายความว่ากองทุนนั้นสามารถสร้างผลตอบแทนที่ 110% ของดัชนี SET TR

โดยผลของการศึกษาดังกล่าว พบว่า การเปรียบเทียบผลตอบแทนแบ่งตามระดับความเสี่ยง โดย “กองทุนที่มีความเสี่ยงสูง”จะมี Up Capture Ratio ในช่วงตลาดปรับขึ้นโดยเฉลี่ยที่ 105.4 ในขณะที่ “กองทุนความเสี่ยงต่ำ” อยู่ที่ 64.6 หากเป็นช่วงตลาดปรับตัวลง “กองทุนเสี่ยงสูง” จะมี Average Down Capture Ratio ที่ 98.5 หรือติดลบใกล้เคียงกับตลาด ในขณะที่ “กลุ่มกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ” มีค่าอยู่ที่ 79.07 หรือหมายความว่าติดลบน้อยกว่า

นอกจากนี้ ในทางกลับกันยังได้ศึกษา “ Down capture” เป็นค่าที่บอกว่ากองทุนมีแนวโน้มขาลง ( downside ) มากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับ index ในช่วงที่มีการปรับตัวลง ซึ่งผลที่ได้นั้นแสดงไปในลักษณะเดียวกันคือ"กองทุนที่มีความเสี่ยงสูงมีแนวโน้มที่จะมี Down Capture Ratio สูงกว่ากองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า"

หากดูข้อมูล Up Capture Ratio ควบคู่กับ Down Capture Ratio จะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ค่านี้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า"หากกองทุนสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามตลาด ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้มากกว่าในช่วงตลาดขาลง ซึ่งเป็นไปตามระดับความเสี่ยงที่มากกว่า" ดังนั้นนอกจากพิจารณาผลตอบแทนกองทุน ผู้ลงทุนควรพิจารณาลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้เพื่อไม่ให้กระทบกับการลงทุนในระยะยาว

สำหรับ5อันดับกองทุนหุ้นไทย ขนาดใหญ่ ผลตอบแทนสูงสุด ตั้งแต่ต้นปีและย้อนหลัง3ปี ( ณ 25 ก.ย.2563) พบว่า กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ(ASP- ERF) มีผลตอบแทนสูงสุดอันดับ1 ที่ -1.54%, -1.99% อันดับ2 กองทุนเปิด แอล เอช สแทรทิจี อิควิตี้ ชนิดสะสมมูลค่า (LHSTRATEGY-A) มีผลตอบแทนที่-12.13%,-2.39% 

อันดับ 3 กองทุนเปิด แอล เอช สแทรทิจี อิควิตี้ ชนิดชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (LHSTRATEGY-R) มีผลตอบแทนที่ -12.12% , -2.4% อันดับ4 กองทุนเปิด แอล เอช สแทรทิจี อิควิตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล (LHSTRATEGY-D) มีผลตอบแทนที่ -12.12% , -2.41 % และอันดับ5 กองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาวทวีกำไร (ASP-GLTF-T) มีผลตอบแทนที่ -4.25%,3.03%