CPF เวียดนาม ครึ่งปีโต 35 % อานิสงค์โควิด- ASF

CPF เวียดนาม ครึ่งปีโต 35 % อานิสงค์โควิด- ASF

ประเทศเวียดนามให้ความสำคัญด้านอาหาร โดยมีนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหารมานาน ซึ่งซีพีเอฟ เข้าไปลงทุนทำธุรกิจในเวียดนามมากกว่า 20 ปี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเวียดนามเป็นอย่างดี แต่สถานการณ์ระบาดโควิด-19 และโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF นั้

สุขสันต์ เจียมใจสว่างฤกษ์ รองประธานคณะกรรมการบริหาร ซีพีเอฟ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องล็อคดาวน์ ทำให้มีการปิดธุรกิจแต่ด้านอาหารทางรัฐบาลให้มีการเปิดดำเนินการผลิตต่อเพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนอาหารในส่วนไหนที่ได้รับผลกระทบก็ปิดเพื่อแก้ไข ส่วนไหนเปิดได้ก็ดำเนินการต่อ เพื่อไม่ให้การผลิตต้องหยุดชะงัก 

โดยเฉพาะซีพีเอฟที่เป็นนักลงทุนด้านอาหารขนาดใหญ่ในเวียดนามทั้งด้านอาหารสัตว์ การเลี้ยงสุกร ซึ่งในขณะนั้นทางรัฐบาลเวียดนามได้มีประกาศชัดเจนต้องดูแลธุรกิจซีพีเอฟให้สามารถผลิตต่อได้ จึงมีการประสานงานตลอดเวลา

นอกจาก โควิด-19 แล้ว เวียดนามยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกา ในสุกร หรือ ASF ส่งผลให้ปริมาณการผลิตสุกรในประเทศลดลง ไป 40-50% จากเดิมที่มีสุกรในประเทศราว 50-60 ล้านตัว แต่ในส่วนของซีพีเอฟไม่ได้รับผลกระเท่าไรเนื่องจากระบบการผลิตของซีพีเอฟเป็นฟาร์มระบบปิด แต่จะกระทบกับเกษตรกรรายเล็กในประเทศ ซึ่งทางซีพีเอฟก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเพราะเกษตรกรเหล่านี้เป็นลูกค้าที่ซื้ออาหารสัตว์จากเรา เมื่อเกษตรกรายเล็กได้รับผลกระทบยอดซื้ออาหารสัตว์ของซีพีเอฟก็ลดลงไป 10-15 %

“ASF ส่งผลดีต่อธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ เพราะมีการบริหารจัดการที่ดี ไม่กระทบต่อการผลิตสุกร เมื่อปริมาณสุกรในประเทศลดลงจาก ASF ก็ทำให้ราคาสูงขึ้นจากซัพพลายที่หายไป “

1601293057100

สำหรับโควิด-19 เป็นผลบวกกับทุกบริษัททั่วโลกที่ระบบการจัดการที่ดี และมีฟู้ดส์เซฟตี้ แต่เกษตรกรรายเล็กที่ได้รับผลกระทบ ทางรัฐบาลเวียดนามก็ออกมาตรการช่วยเหลืออยู่ โดยในส่วนของซีพีเอฟมีมาตรการป้องกันเข้มงวด และใช้งบประมาณเพื่อการป้องกันจำนวนมาก ทั้งมาตรการสุขอนามัย การดูแลป้องกันพนักงานไม่ให้ติดเชื้อ จึงสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

มนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด -19 รัฐบาลเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้รวดเร็วและเด็ดขาด เนื่องจากรัฐบาลมาจากพรรคการเมืองเดียว แต่มาเจอรอบ 2 ที่จังหวัดดานังที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของประเทศ มีประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในเมืองนี้ ซึ่งการแพร่ระบาดรอบสองค่อนข้างจะรุนแรงและเร็วกว่ารอบแรก รัฐบาลก็ดำเนินการจัดการกับการแพร่ระบาดได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จนถึงวันนี้เวียดนามไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว

อย่างไรก็ตาม โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศลดลงจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวต้องปิดบริการไปประมาณ 1 เดือน ในช่วงเวลานี้รัฐบาลก็ออกมาตรการควบคุม หลังจาก 1 เดือนก็เปิดบริการได้ แต่เป็นการทยอยเปิด ซึ่งรัฐบาลเวียดนามจะรักษาระดับการควบคุมโรค และด้านเศรษฐกิจให้มีความสมดุล ดังนั้นจะเห็นว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อัตราการขยายตัวด้านเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะเป็นบวก ขณะที่ประเทศอื่นๆติดลบ โดยเฉลี่ยแต่ละปีจีดีพีจะเติบโตประมาณ 6-7 % แต่ปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เวียดนามก็ยังขยายตัว ซึ่งในครึ่งปีแรกขยายตัว 1 %

160129310498

“นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ประกาศว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบไปทุกภาคส่วน แต่ธุรกิจอาหารของประเทศต้องเข้มแข็งเพื่อให้ประชาชนในประเทศไม่ขาดแคลนอาหาร ซึ่งทำให้ธุรกิจของเราที่ทำเกี่ยวกับอาหาร เกษตร สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้อย่างปกติ แต่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐอย่างเข้มงวด”

ในส่วนธุรกิจของซีพีส่วนใหญ่ ในประเทศเวียดนามประมาณ 50 % เป็นเรื่องของการผลิตสุกร ในช่วงที่ผ่านมาเวียดนามเจอการแพร่ระบาดของ ASF ทำให้ปริมาณสุกรในประเทศลดลง 30-40% ส่งผลให้ราคาสุกรภายในประเทศสูงขึ้น แต่ซีพีเวียดนามไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากระบบการเลี้ยงสุกรของซีพี เป็นระบบปิด แต่กลับส่งผลดี ไม่กระทบต่อผลประกอบการและธุรกิจการเลี้ยงสุกร ซึ่งปกติการเติบโตทางธุรกิจของซีพีเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่ 10-12 % ต่อปี แต่ครึ่งปีแรกปีนี้ยอดขายเติบโตแล้ว 35 % ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของสุกรที่สูงขึ้น โดยภาพรวมปี 2563 ซีพีเวียดนามตั้งเป้ายอดขาย 3 พันล้านดอลลาร์ แต่คาดปีนี้น่าจะทำเกินเป้าหมายโดยน่าจะอยู่ที่ 3.5 พันล้านดอลลาร์

ส่วนแผนการขยายการลงทุนในเวียดนามนั้น ทางซีพี มีแผนอยู่แล้ว ซึ่งธุรกิจไหนที่มีศักยภาพทางซีพี ก็จะขยายการลงทุน โดยธุรกิจไหนที่มีความเสี่ยงก็คงไม่ลงทุน เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องมีเงินสดอยู่ในมือ ซึ่งการลงทุนใหม่จำเป็นต้องมีความรอบคอบ

สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19นั้น ทางซีพี ดำเนินการคือ พนักงานต้องปลอดภัย 2.ธุรกิจต้องดำเนินต่อไปได้ ซึ่งเมื่อเกิดวิกฤตร้ายแรงก็จะใช้แผน BCP เพื่อรองรับในสภาวะฉุกเฉินสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต โดยได้ทำร่วมกับรัฐบาลเวียดนาม เมื่อเกิดปัญหาก็จะได้รับการแก้ไข เช่น หากมีการติดเชื้อโควิดในส่วนใดส่วนหนึ่งก็จะมีการปิดส่วนนั้นแล้วก็แก้ไข จะไม่ปิดทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้

นอกจากการผลิตสุกรแล้ว ทางซีพี มีโครงการที่จะผลิตไก่เพื่อการส่งออก โดยการลงทุนตั้งโรงงานในเวียดนาม ซึ่งควรจะต้องเปิดแล้ว แต่ติดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ชะลอการส่งออก อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนธ.ค.นี้ และจะส่งออกไปยังฮ่องกงแห่งแรก จากนั้นก็จะส่งออกไปยังญี่ปุ่น ยุโรป ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2564