'มาดามเดียร์' ชี้ 'ครูจุ๋ม' ทำร้ายเด็กสะท้อนความบิดเบี้ยวโครงสร้างการศึกษาไทย

'มาดามเดียร์' ชี้ 'ครูจุ๋ม' ทำร้ายเด็กสะท้อนความบิดเบี้ยวโครงสร้างการศึกษาไทย

"มาดามเดียร์" ชี้ "ครูจุ๋ม"ทำร้ายเด็กสะท้อนความบิดเบี้ยวโครงสร้างการศึกษาไทย แนะรัฐออกนโยบายรอบคอบ หลังยกเว้นภาษีธุรกิจโรงเรียนเป็นช่องว่างให้เจ้าของทำกำไรมากกว่าพัฒนาเยาวชน

น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อกรณี น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือ ครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล 1 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ระบุว่า ผู้ปกครองทุกคนคงคิดไม่ต่างกันแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของโครงสร้างการศึกษาไทยที่ไม่ควรให้เกิด การค้ากำไรเกินควรด้านการศึกษา ซึ่งหากย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2561 คงจำกันได้ว่ามีโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในครั้งนั้นก็มีนักวิชาการหลายท่าน รวมจนถึงบุคลากรทางการเมืองออกมาคัดค้านการอนุมัติของ กลต. ที่องค์กรด้านการศึกษาจะมาเป็นองค์กรที่มุ่งแสวงหาผลกำไรเป็นที่ตั้ง เพราะการดำรงอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเป็นองค์กรที่แสวงหากำไร Maximize profit

น.ส.วทันยา ระบุด้วยว่า ในกรณีธุรกิจค้าขายทั่วไปคงเป็นเรื่องปกติแต่ธุรกิจหรือองค์กรด้านการศึกษาเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นอนาคตของชาติ จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานทุกภาคส่วนของรัฐต้องให้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง

"รัฐบาลได้มีนโยบายยกเว้นภาษีธุรกิจโรงเรียนเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำเงินที่ต้องนำมาเสียภาษีให้รัฐไปใช้ในการพัฒนาเยาวชน แต่ในทางปฏิบัติจริงกลับกลายเป็นช่องทางที่นักธุรกิจเห็นโอกาสในการทำกำไรจากนโยบายของภาครัฐ ดังนั้นการออกนโยบายของรัฐในแต่ละครั้งจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออกนโยบายให้รอบคอบและรัดกุมถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาในอนาคต" น.ส.วทันยาระบุ

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า การสนับสนุนนโยบายการศึกษาของภาครัฐที่ต้องการเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนขับเคลื่อนระบบการศึกษานับเป็นนโยบายที่ดี แต่รัฐเองได้เตรียมความพร้อมในการป้อนบุคลากรเข้าสู่ระบบไว้เพียงพอหรือยัง? และนั่นจึงเป็นที่มาของคุณครูวุฒิ ม.6 ที่ขาดการพัฒนาวุฒิภาวะให้เหมาะสมต่อวิชาชีพครู ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ต่ออนาคตของชาติ