ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2563 ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยสดใสนัก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันดัชนี SET ก็ยังติดลบอยู่ราว 20% แม้จะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างจากช่วงที่ดิ่งลงไปติดลบถึง 30%
โดยเฉพาะกับหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 โดยปัจจุบันยัง “ติดลบ” อยู่ประมาณ 23 – 25% ในขณะที่หุ้นที่อยู่นอก SET100 หรือ เรียกว่าดัชนี sSET ติดลบเพียงประมาณ 10%
ด้วยภาวะการลงทุนเช่นนี้ แน่นอนว่ากองทุนต่างๆ ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย มีแนวโน้มจะสร้างผลตอบแทนที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก แต่สำหรับกองทุนเปิด ทีซีเอ็ม พลทรัพย์ หรือ TCMCSF ของ บลจ.ทิสโก้ ถือเป็นหนึ่งในกองทุนที่ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา โดย ณ 24 ก.ย. 2563 พลิกกลับมาเป็นบวกได้ 13.45% และหากนักลงทุนที่จับจังหวะเข้าลงทุนได้ในช่วงที่ตลาดปรับฐานอย่างรุนแรงช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา กองทุน TCMCSF จะให้ผลตอบแทนสูงถึง 85.71% สำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลังในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของกองทุน ก็ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 8.96% เทียบกับกองทุนประเภทเดียวกันซึ่งให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.65% ต่อปี โดยระหว่างปี 2553 – 2562 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ 7 ปี จากทั้งหมด 10 ปี สำหรับปีที่ขาดทุนมากสุดคือปี 2558 ซึ่งติดลบ 15.11% ส่วนปีที่ผลงานดีที่สุดคือปี 2555 มีกำไร 41.98%
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่กองทุนจัดตั้งเมื่อ 30 พ.ค. 2539 หรือก่อนเกิดวิกฤติ ‘ต้มยำกุ้ง’ ปี 2540 ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีนับแต่จัดตั้งกองทุนดูไม่ค่อยดีนัก โดยอยู่ที่เพียงเฉลี่ย 2.06% ต่อปี
ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของ TCMCSF เน้นหนักไปที่หุ้นขนาดกลางในประเทศไทย โดยหุ้นที่ถือครองมากสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) สัดส่วน 9.5% บมจ.เมืองไทย แคปิตอล (MTC) 9.22% บมจ.บี.กริม. เพาเวอร์ (BGRIM) 9.08% บมจ.เจเอ็มที เน็ตเวิร์ค (JMT) 9.06% บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) 8.66% บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ (MEGA) 7.18% บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) 6.94% บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) 6.42% บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ดซัพพลาย (RBF) 5.29% และบมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) 4.19%
โดย TCMCSF จัดเป็นกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น ซึ่งไม่ได้กำหนดสินทรัพย์ที่จะเลือกลงทุนแบบตายตัว โดยจะเน้นกระจายลงทุนทั้งในตราสารทุน ตราสารหนี้ และ/หรือเงินฝาก รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ ทั้งนี้เป็นไปตามที่ ก.ล.ต. กำหนด โดยกองทุนนี้จัดเป็นกองทุนประเภท Active management ซึ่งมุ่งหวังให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีชี้วัด
หากพิจารณาจาก 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าผลตอบแทนของกองทุนเกือบทุกปีจะสูงกว่าดัชนีชี้วัดถึง 9 ปี ไม่ว่าจะเป็นกำไรหรือขาดทุน หากกำไรก็มักจะกำไรมากกว่า แต่กลับกันก็จะขาดทุนหนักกว่าเช่นกัน
สำหรับความเสี่ยงของกองทุน TCMCSF เคยมีผลขาดทุนสูงสุดในช่วงเวลา 5 ปี คือ -41.42% ขณะที่ความผันผวนของผลการดำเนินงาน (Standard deviation) อยู่ที่ 20.07% ต่อปี
และด้วยการเป็นกองทุนประเภท Active management ทำให้ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายรวมของกองทุนไม่ต่ำเท่าใดนัก โดยปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ที่ 1.195% นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมการขาย (กองทุนขายให้ผู้ลงทุน) อีก 1%
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในปัจจุบันอยู่ที่ 172.06 ล้านบาท โดยมี NAV อยู่ที่ 38.7612 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเงินลงทุนในหุ้น 88.78%
จุดเด่นของกองทุน TCMCSF คือ ผลประกอบการย้อนหลังโดยเฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกองทุนในลักษณะเดียวกัน ขณะเดียวกันกองทุนนี้ยังได้รับเรทติ้ง 5 ดาว จาก Morningstar Thailand รวมถึงผลการดำเนินงานในระยะสั้นที่ค่อนข้างโดดเด่น แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือจังหวะการเข้าลงทุน เพราะอย่างที่ทราบกันว่าหากใครที่เข้าลงทุนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน เท่ากับว่าผลตอบแทนต่อปีจะลดลงไปเหลืออยู่เพียง 2% เท่านั้น