เผยหัวข้อดีเบต ‘ทรัมป์-ไบเดน’ เน้น ‘เศรษฐกิจ-ความรุนแรง’

เผยหัวข้อดีเบต ‘ทรัมป์-ไบเดน’ เน้น ‘เศรษฐกิจ-ความรุนแรง’

ผู้ดำเนินการอภิปรายโต้วาทีผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 รอบแรก เผยหัวข้อการอภิปรายระหว่างประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน และ“โจ ไบเดน” ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต

คณะกรรมการซึ่งจัดการอภิปรายโต้วาทีสำหรับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ระบุว่า นายคริส วอลเลส ผู้ดำเนินรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ ได้เลือกหัวข้อการอภิปรายได้แก่ ประวัติของผู้ท้าชิง ศาลสูงสุด โรคโควิด-19 เศรษฐกิจ เชื้อชาติ และความรุนแรงในเมืองต่างๆ ของสหรัฐ รวมถึงความสุจริตซื่อตรงของการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการจัดการอภิปรายโต้วาที ระบุว่า การอภิปรายรอบแรกระหว่างทรัมป์และไบเดน จากทั้งหมดสามรอบ จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 29 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยเคส เวสเทิร์น รีเสิร์ฟและคลีฟแลนด์ คลินิก ในเมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอของสหรัฐ และการอภิปรายโต้วาทีแบ่งออกเป็น 6 ช่วงตาม 6 หัวข้อ ช่วงหนึ่งใช้เวลา 15 นาที เพื่อผลักดันการหารือเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นหลักๆ ที่สหรัฐกำลังเผชิญ

ส่วนการอภิปรายอีก 2 ครั้งจะจัดขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งก็จะมีการจัดอภิปรายโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีระหว่างนายไมค์ เพนซ์จากพรรครีพับลิกัน และนางกมลา แฮร์ริส วุฒิสภาพรรคเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย

“โจ ไบเดน”ประกาศยอมรับผลเลือกตั้ง

นางเคท เบดิ้งฟิลด์ รองผู้จัดการฝ่ายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐปี2563 ยืนยันว่า นายไบเดน จะมีส่วนร่วมในการส่งต่ออำนาจผู้นำประเทศอย่างสันติหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาในรูปไหน และการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าจะไม่ส่งต่ออำนาจอย่างสันติ เป็นเพราะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชน ให้มองข้ามความล้มเหลวในการบริหารประเทศของตนเอง

ส่วนนายพอล เซลวา อดีตรองประธานคณะเสนาธิการร่วม และเป็นที่ปรึกษาด้านการทหารอาวุโสของประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในจดหมายสนับสนุนนายไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งของนายทรัมป์ ในการชิงชัยเก้าอี้ผู้นำสหรัฐ พร้อมระบุว่า เขาให้การสนับสนุนนายไบเดน เพราะนายทรัมป์มีทัศนคติที่น่ารังเกียจ ทำให้บรรดาประเทศพันธมิตรไม่ยำเกรงสหรัฐ แถมยังสร้างศัตรูในประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น ทั้งยังยอมให้รัสเซียมีอิทธิพลครอบงำ และก่อสงครามการค้ากับจีน ซึ่งส่งผลร้ายต่อชาวนา และผู้ผลิตของสหรัฐ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ทรัมป์ เดินทางไปหาเสียงที่เมืองแจ๊คสันวิลล์ รัฐฟลอริดา เพื่อดึงคะแนนนิยมจากกลุ่มคนเชื้อสายละติน ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า พรรครีพับลิกันเป็นพรรคแห่งการสร้างงาน สร้างความปลอดภัย และเสรีภาพ และจะไม่ปล่อยให้อเมริกาเป็นประเทศแห่งสังคมนิยมตามแนวคิดการบริหารประเทศของพรรคเดโมแครตอย่างเด็ดขาด ทั้งยังสบประมาทนายไบเดนว่าเป็นคนอ่อนแอที่สุดเท่าที่เขาเคยพบ สหรัฐไม่ควรมีผู้นำที่อ่อนแอเช่นนายไบเดน

ส่วนผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น บ่งชี้ว่า นายไบเดน มีคะแนนนำทรัมป์ ที่ 51-44% โดยใน 3 รัฐสวิง สเตท อย่างรัฐเพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน และมิชิแกน นายไบเดน ก็มีคะแนนนิยมนำทรัมป์

“ทรัมป์”ไม่มั่นใจผลโหวตทางไปรษณีย์

ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า ชาวอเมริกันอาจต้องรอไปอีกนานหลายเดือนกว่าจะรู้ผลแพ้-ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พ.ย. นี้ เนื่องจากข้อโต้แย้งที่จะมีขึ้นจากการโหวตทางไปรษณีย์ ที่่มีชาวอเมริกันประมาณครึ่งหนึ่งใช้สิทธิเลือกผู้นำสหรัฐในปีนี้เพื่อลดความเสี่ยงแพร่โควิด-19

ผู้เชี่ยวชาญการเลือกตั้งหลายคน ยอมรับว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้อาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะฟันธงผู้ชนะได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรอนับบัตรลงคะแนนที่ถูกส่งไปรษณีย์มาถึงหลังวันเลือกตั้ง

ทรัมป์ ปราศรัยต่อผู้สนับสนุนที่เมืองนิวพอร์ตนิวส์ รัฐเวอร์จิเนีย ว่าอยากจะรู้ผลแพ้ชนะให้เร็วที่สุด แทนที่จะต้องมาเสียเวลารอนับบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์

ทั้งนี้ ศาลสหรัฐได้พิพากษาอนุมัติให้เจ้าหน้าที่ใน 3 รัฐสำคัญซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวชี้ขาดผลเลือกตั้ง ได้แก่ มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และนอร์ทแคโรไลนา สามารถนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งที่เดินทางมาถึงช้า ตราบใดที่บัตรถูกส่งมาทางไปรษณีย์ภายในวันที่ 3 พ.ย.

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า ฐานเสียงเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะโหวตทางไปรษณีย์เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 ในหน่วยเลือกตั้งที่มีคนพลุกพล่านมากกว่าฐานเสียงรีพับลิกัน ขณะที่ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ยื่นฟ้องศาลในหลายรัฐเพื่อขอให้จำกัดการลงคะแนนทางไปรษณีย์

“ทรัมป์”เลือกผู้พิพากษาศาลสูงคนใหม่

สื่อหลายสำนักของสหรัฐ รายงานในวันศุกร์(25ก.ย.)ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมเสนอชื่อ เอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาสหรัฐแทนนางรูธ เบเดอร์ กินสเบิร์ก ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นางแบร์เรตต์ วัย 48 ปี ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษ์นิยมของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ของสหรัฐ โดยปธน.ทรัมป์เป็นผู้เสนอชื่อแบร์เรตต์ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวในปี 2560 และได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐด้วยคะแนนเสียง 55 ต่อ 43 เสียง

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะประกาศการเสนอชื่อนางแบร์เรตต์ที่ทำเนียบขาวในช่วงบ่ายวันเสาร์นี้ตามเวลาสหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พรรครีพับลิกันซึ่งมีคะแนนเสียงส่วนใหญ่ 53 ต่อ 47 เสียงในวุฒิสภาสหรัฐนั้น ดูเหมือนว่า จะมีคะแนนเสียงเพียงพอที่จะยืนยันการเลือกนางแบร์เรตต์ โดยมีวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเพียง 2 คนเท่านั้นที่ระบุว่า จะไม่สนับสนุนการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฏีกาสหรัฐแทนที่นางกินสเบิร์กก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย.นี้