'นิกร'เผย'พรรคร่วม'โหวต'แก้รธน.' ให้มี'ส.ส.ร.'อยู่แล้ว

'นิกร'เผย'พรรคร่วม'โหวต'แก้รธน.' ให้มี'ส.ส.ร.'อยู่แล้ว

"นิกร" ยัน ไม่ได้เตะถ่วง "แก้รธน." แจง ตั้งกมธ. ให้คุยกันเอาอย่างไร หลัง "ส.ว." ตั้งท่าค้าน ชี้ "พรรคร่วม" โหวตให้มี "ส.ส.ร." อยู่แล้ว แนะ "กมธ." เร่งตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ต้องศึกษาอะไรกันแล้ว

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ก่อนรับหลักการ จำนวน 6 ฉบับ กล่าวถึงการประชุมนัดแรกวันที่ 30 กันยายนว่า แม้กมธ.ไม่ครบ 3 ฝ่ายตามข้อบังคับฯ เพราะฝ่ายค้านขอไม่ร่วม แต่เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาล กับส.ว.ต้องช่วยกันแบกไว้ ซึ่งการชะลอไว้แค่ 30 วันอาจไม่ใช่การเตะถ่วง แต่เป็นการยืดลมหายใจของสถานะการณ์ออกไป เพื่อมาคุยกันให้เข้าใจว่า จะเอากันอย่างไรเพราะเหตุผลที่ส.ว.ท่านหนึ่งอภิปรายมาก็มีเหตุผล เพราะ 4 ร่างแก้ไขรายมาตราที่พรรคฝ่ายค้านเสนอด้วย อาจจะมีหลักการซ้ำซ้อนกับร่างแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จนอาจมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ เพราะการแก้ไขโดยส.ส.ร. สามารถแก้ไขในส่วนอื่นๆที่เป็นเนื้อหาอีก 4 ร่างได้อยู่แล้ว

ดังนั้น การเบรกเรื่องนี้ไว้เพื่อคุยกันในชั่งโมงสุดท้ายที่ส.ว.มีท่าทีที่จะไม่รับนั้น เพื่อยืดเวลาก่อนที่จะล้มเหลวไปตามที่ นายวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานวิปรัฐบาลเสนอก็มีเหตุผล เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้เป็นไฟต์บังคับของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องโหวตเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีส.ส.ร.ตามที่ลงชื่ออยู่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้

นายนิกร กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัว คิดว่า สิ่งที่ต้องไปอธิบายให้ส.ว.เข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศที่มีความน่าเป็นห่วงมากว่าจะหนักถึงขั้นเป็นสถานการณ์วิกฤต เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้มีเชื้อจากหลายเรื่องซ้อนกันอยู่ โดยมีเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐแล้วที่อาจจะทำให้ประเทศไทยทรุดลงกับพื้นเลยก็ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมที่คนรุ่นใหม่นัดในวันที่14 ตุลาคม ที่จะไม่ได้มีแค่ม็อบคนรุ่นใหม่เท่านั้นหากแต่จะรวมเอาผู้คนฝ่ายประชาธิปไตยมาด้วยมาก แต่ถ้ารัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขไปบ้าง ความกดดันในเรื่องต่างๆจะลดลง ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ ควรจะมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนถึงเวลาจะเกิดเรื่อง เพราะกมธ.สามารถตัดสินใจได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องศึกษาอะไรกันแล้ว เพียงแต่ไปคุยว่า จะทำหรือไม่ทำอะไร เป็นสถานการณ์ทางการเมืองล้วนๆ ซึ่งส่วนตัวยังมีความหวังว่าจะคุยกันได้เพราะถ้าเป็นการหยุดเพื่อต่อลมหายใจ ทำความเข้าใจกันก่อนที่จะตกเหวไป เหตุการณ์ก็จะคลี่คลาย เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งหมดจึงถือเป็นความรับผิดชอบของสภาฯโดยแท้หากไม่รีบตัดสินใจสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่เราแบกรับกันไม่ไหว ทั้งรัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบบริหารประเทศและส.ว.ผู้ยังลังเลอยู่จะปฎิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้