หวั่น ต.ค.เดือด ปลุกวิกฤตการเมืองรอบใหม่
"เทพไท" หวั่นแก้ รธน.บานปลาย จี้เปิดวิสามัญรัฐสภา ลงมติรับหลักการวาระ 1 ใน 30 วัน เตือนญัตติตกสะเทือนเสถียรภาพรัฐบาลแน่
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาที่ผ่านมา ว่า รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น หลังจากที่ประชุมรัฐสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งนั้น ถูกมองว่าเป็นการซื้อเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเป็นการเติมเชื้อไฟในม็อบ ที่กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตนได้นำเสนอเรื่องนี้ต่อผู้มีอำนาจในรัฐบาลแล้วว่า ควรที่จะส่งสัญญาณให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งไม่น้อยกว่า 84 คน ลงมติรับหลักการในวาระหนึ่งไปก่อน เพื่อเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์การชุมนุมของมวลชนที่กำลังร้อนแรงอยู่ แต่เมื่อสถานการณ์ได้ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมือง ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม อาจจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่นำไปสู่ขั้นวิกฤตของบ้านเมืองได้
การชุมนุมกลุ่มคณะประชาชนปลดแอก ที่หน้าอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563
"เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ขึ้นมาแล้ว มีระยะเวลาทำงาน 30 วัน น่าจะเร่งหาข้อสรุป และเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงมติรับหลักการในวาระที่หนึ่งให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการปลดล็อค และผ่อนคลายบรรยากาศทางการเมืองออกไป"นายเทพไท กล่าว
นายเทพไทย ยืนยันว่า แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาธิปัตย์ และญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาล คือแก้มาตรา 256 และจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ต้องได้รับการสนับสนุนให้ผ่านไปได้ แต่สำหรับญัตติอื่นๆ อีก 5 ญัตติ ก็เป็นดุลย์พินิจของสมาชิกรัฐสภาแต่ละบุคคลที่จะต้องพิจารณาตัดสินใจกันเองต่อไป
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
นายเทพไท ระบุว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้สนับสนุนญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และการจัดตั้ง ส.ส.ร.ของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีหลักการเดียวกัน ซึ่งควรจะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาค ส่วนทั้งสมาชิกฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลสมาชิกวุฒิสภา และถ้าหากญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอันตกไป ก็จะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน