งานป้องกัน 'น้ำท่วม' ถนน ที่ทำชาวบ้านเดือดร้อน!

ไขปม เหตุใดงานวิศวกรรมระบายน้ำ หรือการป้องกันน้ำท่วมถนน โดยเฉพาะในเขตเมือง จึงไม่ช่วยป้องกันน้ำท่วมอย่างที่คิด? แล้วทางแก้ปัญหานี้จะต้องเป็นไปในลักษณะใด? หาคำตอบได้จากบทความนี้

ประเทศไทยอยู่ในเขตมรสุม ปัญหาฝนตกชุกและหนักรวมทั้งน้ำท่วมจึงเป็นสิ่งที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากมาโดยตลอด เพราะหากปล่อยน้ำท่วมแล้วผลเสียทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นในเขตเมืองหรือเขตชนบทจะมีได้มากมาย

งานวิศวกรรมระบายน้ำ ซึ่งเป็นงานเอาน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสียหายให้น้อยที่สุด จึงเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นแก่สังคมทุกชนชั้น โดยเฉพาะสังคมเมืองที่ความเสียหายทางเศรษฐกิจจะมีมากกว่าในเขตเกษตรกรรม

160105662322

รูปที่ 1 ร่อง V นี้ทำให้คนเดินเท้าไม่สะดวก ยิ่งถ้าทำขวางถนนยิ่งเป็นปัญหา ไม่ว่าจะเป็นความสะเทือน ความไม่สะดวก ไปจนถึงแฉลบล้ม ยิ่งสำหรับคนขี่จักรยานนี่ยิ่งเป็นปัญหา

เมื่อพูดถึงงานระบายน้ำฝนในเขตเมือง วิศวกรระบายน้ำ (drainage engineer) ที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานครและเทศบาลอื่นๆ ในอดีต มักออกแบบให้มีรางหรือร่องระบายขนาดเล็กรูปตัวอักษร (ดูรูปที่ 1) บนผิวทางที่ขอบริมถนน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีทางเท้า เช่นในซอยเล็ก โดยคาดหวังว่าราง V นี้จะเป็นตัวชักพาหรือระบายน้ำฝนบนถนนในซอยไปลงบ่อพักเพื่อลงท่อที่อยู่ใต้ดิน และไหลออกไปสู่ที่อื่นต่อไป

160105671467

รูปที่ 2 ยืนยันได้ว่ารางไม่ได้ระดับ เกิดน้ำขัง และไม่ช่วยให้การระบายดีขึ้น

ซึ่งการทำเช่นนี้ให้มีปัญหาตามมาอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือร่องหรือราง V นี้มิได้ช่วยป้องกันน้ำท่วมได้อย่างที่คิด น้ำในราง V ที่จะไหลไปลงบ่อพักมีปริมาณน้อยมากจนไม่มีนัยสำคัญต่อการป้องกันน้ำท่วมเลยแม้แต่น้อย แต่หากมุ่งหวังใช้งานราง V นี้เฉพาะช่วงปริมาณน้ำน้อย และใช้เพียงช่วยระบายให้พื้นที่แห้ง นี่ก็ไม่เป็นจริงอีกเช่นกัน (ดูรูปที่ 2) แต่นั่นไม่เท่าไรนัก มันเป็นข้อถกเถียงกันได้ในทางวิศวกรรม แต่ที่เป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบทางสังคมต่อคนเดินเท้าได้อย่างมากคือส่วนที่สอง คือมันทำให้คนที่ไม่มีรถและต้องเดินเท้าตามพื้นที่ที่มีอยู่น้อยนิดริมถนนในซอยเกิดความลำบากรวมทั้งอันตรายต่อการเดิน

อยากจะรู้ว่าลำบากและอันตรายอย่างไร ขอให้ลองนึกภาพผู้หญิงใส่ส้นสูงเดินอยู่ในซอยแคบที่มีราง V นี้อยู่ริมถนน เดินไปเดินมามีโอกาสขาพลิกเท้าแพลงหกล้มได้ตลอดเวลา จะไม่เดินบนร่องราง V แล้วเดินหลบไปทางซ้ายรึก็จะติดรั้วติดกำแพงบ้านคน จะหลบขวาหรือก็มีหวังโดนรถที่ขับตามมาเฉี่ยวชน และนี่ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของคนใส่ส้นสูงเท่านั้น คนชรา คนพิการ เด็กเล็ก ก็เจอปัญหานี้เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่คนหนุ่มสาวที่แข็งแรงและคนขี่จักรยาน

ที่แย่กว่านั้นคือการใช้ราง V แบบนี้ได้ใช้กันมานานมาก จนฝ่ายช่างเชื่อในวิธีการนี้จนถึงขนาดทำเป็นแบบมาตรฐานขึ้นมา เพื่อความสะดวกในการออกแบบ คิดคำนวณราคาและประมูลงาน ซึ่งมันสะดวกเสียจนเทศบาลน้อยใหญ่ต่างคิดว่านี่เป็นสิ่งมาตรฐาน เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และพากันลอกสำเนาไปใช้กันแพร่หลายในเทศบาลทั่วประเทศ

ซึ่งก็เป็นการพาเอาปัญหาไปสู่บ้านเมืองทั่วทั้งประเทศด้วย

เรามาลองดูก็ได้ว่า ชาวบ้านคนเดินถนนในซอยเขามีปฏิกิริยาหรือความคิดเห็นอย่างไรกับราง V ที่ว่านี้

- ไอ้รางวีนี่แหละ ทำข้อซ้ายกุพลิก แล้วดันเป็นหนัก เอ็นฉีกตรงบริเวณข้อเท้าและจะปวดเรื่อยๆ หมอสรุปคือกุเป็นเรื้อรัง ต้องผ่าอย่างเดียว!

- The devil is in the details!

- เคยแล้วครับ ยิ่งซ่อมด้วยฝาเหล็กแบบคมๆ ล้อยางจักรยานแตกมาแล้วครับ ลำบากมากต้องเลี้ยวหลบทุกวัน เพิ่มความเสี่ยงอีก

- เจออยู่ทุกวันหน้าออฟฟิศครับ ถนนแคบต้องเดินผ่านทุกวัน แข็งแรงอย่างเราๆ ก็เดินกันลำบากครับ ข้อเท้าพลิกได้เลย

- เกลียดจริงๆ

- เคยสะดุดหน้าทิ่ม เกือบล้มหลายรอบละ

ราง V มันจึงเป็นงานวิศวกรรมที่ไม่ได้คำนึงถึงบริบททางสังคม และทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างที่ได้ตั้งชื่อเรื่องไว้ เพราะมันทำให้คนเดินถนนและชาวบ้านธรรมดาต้องตกระกำลำบากอย่างยอมจำนนโดยแก้ไขอะไรไม่ได้มานานหลายสิบปีแล้ว

160105681553

รูปที่ 3 เทศบาลแห่งหนึ่งกำลังกลบร่องราง V เพื่อความสะดวกแก่การสัญจรของประชาชน (2559)

ทางแก้นั้นง่ายนิดเดียว คือถ้ามันไม่ได้ช่วยอะไรในการป้องกันน้ำท่วม และมันเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านอย่างมากอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ทุกวัน เราก็เพียงยกเลิกแบบมาตรฐานนี้ และเลิกก่อสร้าง เลิกใช้ราง V นี้เสียก็เท่านั้น ที่ไหนมีแล้ว สร้างไปแล้วก็กลบเสียให้หมด ซึ่งมันก็ทำได้จริงๆ ไม่ได้พูดล้อเล่น (ดูรูปที่ 3)

เราในฐานะคนที่ผลักดันเรื่องนี้มานานจึงใคร่ที่จะขอเป็นตัวแทนคนตัวเล็กตัวน้อยเหล่านั้น ชี้ให้เห็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตของพวกเขา และขอให้ภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นยกเลิกแบบมาตรฐานและยกเลิกการก่อสร้างรางรูป V นี้เสียตั้งแต่บัดนี้

เชื่อสิว่าทำเรื่องนี้แล้วจะมีแต่คนสรรเสริญ ไม่มีบ่น ด่า ว่าหรือตำหนิตามมาเลย