‘เมอร์ริลลินช์’ชี้‘หุ้นกู้’น่าลงทุน ผลตอบแทนมั่นคงเน้นเรทติ้งสูง-ถือยาว

‘เมอร์ริลลินช์’ชี้‘หุ้นกู้’น่าลงทุน ผลตอบแทนมั่นคงเน้นเรทติ้งสูง-ถือยาว

ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์  ชี้ ตลาดหุ้นกู้ยังน่าลงทุน เหตุความเสี่ยงน้อย-ผลตอบแทนมั่นคง  เน้นเลือกลงทุนเครดิตเรทติ้งที่ดี  พร้อมเชียร์หุ้นกู้กลุ่มพลังงาน-โรงไฟฟ้า-บริษัทในเครือ ปตท. -อาหาร

นางอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ สาขาประเทศไทย เปิดเผยภายในงานสัมมนา “Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE II : Don't Waste a Good Crisis” ภายใต้หัวข้อ ตลาด “หุ้นกู้” โคม่าจริงหรือไม่ ยังลงทุนได้หรือเปล่า? ว่ามองว่าปัจจุบันการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (หุ้นกู้) ยังถือว่าน่าสนใจสำหรับการลงทุนอยู่ โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ขณะที่ผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยที่มั่นคง 

ทั้งนี้จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมาต้องเจอกับปัญหาด้านสภาพคล่อง เนื่องจากความวิตกกังวลของผู้ลงทุนที่ไม่เชื่อมั่นต่อตลาดจนเกิดแพนิกขึ้นมาและทำให้บางกองทุนจำเป็นต้องปิดกองออกไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังต้องออกมาตรการต่างๆ อาทิ กองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) เพื่อมาสร้างความมั่นใจต่อเรื่องสภาพคล่องในตลาดให้ดีขึ้นและปัจจุบันสถานการณ์ได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวทำให้ทุกคนกลับมาตระหนักว่าความเสี่ยงด้านสภาพคล่องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะก่อนหน้าไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นมาก่อน 

ขณะที่สำหรับนักลงทุนที่อยากจะลงทุนในหุ้นกู้ให้ปลอดภัยนั้น เบื้องต้นอยากให้เน้นพิจารณาใน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.อันดับเครดิตเรทติ้งของหุ้นกู้ที่ออกขาย ซึ่งในภาวะแบบนี้ควรเน้นลงทุนในหุ้นกู้ที่ระดับ Investment Grade (BB-ขึ้นไป) และ2.ควรเน้นถือครองหุ้นกู้แบบยาวไปเลย ส่วนวิธีการเลือกดูบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ว่าเข้มแข็งหรือไม่นั้น เนื่องผู้ลงทุนต้องการกระแสเงินสดหรือการจ่ายคูปอง (ดอกเบี้ย) ในระยะเวลาการถือครองตามสัญญาเป็นหลัก จึงจำเป็นต้องเน้นดูบริษัทที่ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เช่น ดูกระแสเงินสดของบริษัทและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เป็นหลัก

ส่วนสำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกู้ในช่วงนี้ แนะนำให้เลือกหุ้นกู้ที่มีเครดิตเรทติ้งตั้งแต่ AAA ถึง BBB หรือบริษัทชั้นนำในประเทศ เช่น กลุ่มพลังงาน,โรงไฟฟ้า และกลุ่มบริษัท ปตท. และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับสัมปทานจากภาครัฐ เพราะมีความเสี่ยงน้อยและมีรายได้ที่มั่นคงสูง รวมถึงกลุ่มอาหารที่มีการกระจายความเสี่ยงและอัตราหนี้ที่ไม่สูงมากนัก

“มองว่าการลงทุนในหุ้นกู้ยังน่าสนใจอยู่ แม้หลายคนจะเอาไปเปรียบกับการลงทุนในหุ้นสามัญ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเปรียบกันไม่ได้ เพราะคนที่ลงทุนในหุ้นกู้จะเน้นดูที่ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง,งบดุล และแนวโน้มธุรกิจว่าจะมีเงินจ่ายดอกเบี้ยไหม แต่ในส่วนของหุ้นสามัญมักดูแค่แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจและเงินปันผลเป็นหลัก ซึ่งเชื่อว่าหุ้นใหญ่ที่จ่ายปันผลดีปัจจุบันก็ถูกผลกระทบทั้งนั้น ส่วนหุ้นเล็กก็อาจติดปัญหาเรื่องสภาพคล่อง”

นางอรกัญญา กล่าวต่อว่านอกจากนี้อยากเสนอให้ภาครัฐส่งเสริมให้นักลงทุนในประเทศที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศได้ความมั่นใจและมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนมากขึ้น ส่วนด้านนักลงทุนนั้นอยากฝากให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพราะสถานการณ์ในช่วงนี้คงยังไม่มีอะไรที่แน่นอนจนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนและขอเตือนว่าอย่าไปรีบร้อนลงทุนอะไรมากในช่วงนี้