ROBO ADVISOR เหมาะสมแค่ไหนกับการลงทุนของมนุษย์เงินเดือน?

ROBO ADVISOR เหมาะสมแค่ไหนกับการลงทุนของมนุษย์เงินเดือน?

ข้อดีของอีกหนึ่งตัวช่วยการลงทุน ที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ของมนุษย์เงินเดือน

เตือนราคาทองผันผวน ขึ้น-ลง ตลอดทั้งวัน

หุ้นปิดลบ สวนทางตลาดต่างประเทศ

ตลาดจีนมีแรงหนุน จากปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงแข็งแกร่ง

และอีก ฯลฯ

ไม่ว่าสถานการณ์จะดี-ร้าย แต่สิ่งที่ยกมาข้างต้นก็พอจะอธิบายได้ถึงความไม่แน่นอนในการลงทุน จนต้องทำให้นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเป็นเหตุผลเดียวกับการที่ใครหลายคนตัดสินใจให้มืออาชีพเข้ามาดูแลเงิน ผ่านการซื้อกองทุนซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น กองทุนรวมตราสารทุน, กองทุนทอง, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนรวมผสม

ถึงเช่นนั้น ในปัจจุบันนี้การลงทุนไม่ได้จำกัดเฉพาะการซื้อ-ขายผ่านหลักทรัพย์ ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และมันสมองของผู้จัดการกองทุนเพียงเท่านั้น หากแต่พัฒนาไปถึง การให้ AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่ช่วยวิเคราะห์ตลาด เข้ามาช่วยตัดสินใจในการลงทุน

เราเรียกเจ้า AI ที่ช่วยลงทุนนี้ว่า "Robo Advisor"  (Robot + Advisor)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ที่ให้บริการแนะนำการลงทุนแบบออนไลน์แก่นักลงทุนทั่วไป โดยการทำงานจะประกอบไปด้วย อัลกอริทึม (algorithm) การจัดการข้อมูลจำนวนมาก (Big Data management) และสมองกล (Artificial Intelligence) มาใช้ร่วมกับการให้คำปรึกษาด้านการเงิน (financial advisory) เพื่อวางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินประเภทต่างๆ แบบอัตโนมัติ

มนุษย์เงินเดือนกับการลงทุน

ถึงตรงนี้ คงไม่ต้องอธิบายอีกว่า Robo Advisor ทำงานอย่างไร เพราะจนถึงปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการ Robo Advisor แล้วในประเทศไทย  แต่เราจะรวบรวมข้อดีของ Robo Advisor ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของมนุษย์เงินเดือนและสภาพการลงทุนในปัจจุบัน

โดยข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือนนี้คือการมีรายรับสม่ำเสมอในทุกเดือน ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยมีเวลาในการติดตามสภาพตลาด (ต้องทำงานทั้งวันจ-) ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนจึงเหมาะสมกับการลงทุนที่ไม่ซับซ้อนนัก  ทั้งยังต้องมีความเสี่ยงที่ไม่สูงเกินกว่าจะรับได้

จริงอยู่ ที่มนุษย์เงินเดือนมีหลายประเภท หากแต่เมื่อสิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่คล้ายๆกันของมนุษย์เงินเดือนทั้งหมด แถมเป้าหมายของมนุษย์คือการมีเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ

ดังนั้นแนวคิดและวิธีการของการลงทุนแบบมนุษย์เงินเดือนในที่นี้จึงเป็นการสะสมเพื่อเป้าหมายระยะยาว และใช้วิธีการทยอยสะสมเงินทุกเดือนในจำนวนที่ไม่สูงมากนักเน้นความต่อเนื่อง มีวินัยในการลงทุน โดยไม่ต้องใช้เวลามาจดจ่อกับการหาข้อมูลมากนัก

ROBO ADVISOR เพื่อการลงทุน

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ใครหลายคนได้รับผลกระทบ หรือบางบริษัทต้องใช้นโยบายปรับลดเงินเดือนเพื่อให้องค์กรอยู่รอด หากมนุษย์เงินเดือนคนใดยังไหว และต้องการความต่อเนื่องในการลงทุน การใช้ ROBO ADVISOR เป็นตัวเลือกในการลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยด้วยเหตุผล อาทิ

  • จำนวนเงินเริ่มต้นลงทุนที่ไม่มาก ค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งเหมาะสมกับผู้เริ่มทำงานที่มีเงินเหลือเก็บไม่มาก ROBO ADVISOR ส่วนใหญ่สามารถซื้อขั้นต่ำได้ที่ 1000 บาท สอดคล้องกับในสถานการณ์โควิด-19 ที่บางอาชีพต้องมีรายได้ลดลง แต่ยังยากรักษาวินัยการออมและการลงทุนไว้
  • สามารถกระจายการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ทองคำ​ ฯลฯ ง่ายขึ้น และปรับพอร์ทลงทุนตามสภาวะตลาดได้ทัน มีการลงทุนแบบ Asset Allocation ซึ่งคือการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเชิงบวก หรือตลาดหุ้นเป็นขาลง ก็สามารถต้านทานกับความเสี่ยงในทุกช่วงเวลาได้ สอดคล้องกับช่วงเวลานี้ที่ตลาดมีความผันผวน
  • การเข้าถึงสะดวกผ่านโทรศัพท์ ลดความยุ่งยากสลับซับซ้อน ช่วยก้ปัญหาการไม่มีเวลาดูข้อมูลหรือคอยปรับพอร์ทได้ต่อเนื่อง เพราะนอกจากนักลงทุนต้องเปรียบเทียบว่า กองทุนรวมของ บลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม) ที่ไหนดี ยังต้องหาข้อมูลเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการมี ROBO ADVISOR จะตอบสนองข้อนี้แทนแรงงานมนุษย์
  • ที่สำคัญ ยังมีการเลือกระดับความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งการลงทุนความเสี่ยงระดับต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำ การลงทุนความเสี่ยงระดับกลาง การลงทุนความเสี่ยงระดับสูง

สำหรับผู้สนใจการลงทุนด้วย ROBO ADVISOR สามารถศึกษาเพิ่มเติมและทดลองการลงทุนได้ที่ odini ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ ROBO ADVISOR ในประเทศไทยได้ ที่นี่

160104500676