'พาณิชย์' เผยธุรกิจบริการให้ความสะอาด-ฆ่าเชื้อโตต่อเนื่อง

'พาณิชย์' เผยธุรกิจบริการให้ความสะอาด-ฆ่าเชื้อโตต่อเนื่อง

"พาณิชย" เผย โควิด-19 หนุนธุรกิจทำความสะอาด-ฆ่าเชื้อ ขยายตัวต่อเนื่อง ชี้ช่องเอสเอ็มอีลุยแบ่งเค้กมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท

นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ปัจจุบันทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดและการฆ่าเชื้อโรคทั้งในส่วนของที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม สถานประกอบการต่าง ๆ ทำให้มีผู้สนใจหันมาจดตั้งธุรกิจบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ มากขึ้น โดยจากการวิเคราะห์ของกรมตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ปี2559-61) พบว่าธุรกิจนี้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2561ธุรกิจดังกล่าวมีผลกำไรกว่า52%โดยมีมูลค่าสูงถึง44,682ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 22.74%

โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจขนาดเล็ก 48%ขนาดกลาง 36.3%สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสของผู้ประกอบการรายใหม่ว่ามีโอกาสก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ รวมทั้งพบว่าการจัดตั้งธุรกิจดังกล่าวในปี 2560-62 มีจำนวนถึง 270 ราย ส่วนในปีนี้ตั้งแต่ม.ค.-ส.ค.มีการจัดตั้งธุรกิจ 218 ราย เพิ่มขึ้นถึง 23.86%มีทุนจดทะเบียน 278.52ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.53%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

     

นางโสรดา กล่าวว่า จากประมาณการความต้องการและมูลค่าของตลาดพบว่าในแต่ละปีมีการขออนุญาตก่อสร้างอาคารโรงเรือนเฉลี่ย 60 ล้านตร.ม.ซึ่งปัจจุบันอัตราค่าฉีดน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ที่ 15-20 บาทต่อตร.ม.หากมีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อไตรมาสละ 1 ครั้ง จะทำให้มีมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นถึงปีละ 1,440 -1,920ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมอาคารโรงเรือนในปัจจุบัน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจดังกล่าว เพราะจากการระบาดของโควิด-19และไม่มีวัคซีนป้องกันโรคดังนั้นหน่วยงานและองค์กรธุรกิจต่างให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหน่วยงานและองค์กรของตนเอง ทำให้เห็นได้ชัดว่าธุรกิจนี้จะยังเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่องตามวิถีนิวนอร์มอล ที่ประชาชนและผู้ใช้บริการในสถานที่ต่าง ๆให้ความสำคัญกับความสะอาดและปลอดภัยของสถานที่

เห็นได้จากสถิติธุรกิจบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ที่ดำเนินกิจการอยู่มีจำนวน3,143ราย คิดเป็น 0.41%ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่มีมูลค่าทุน 6,057.70ล้านบาท คิดเป็น 0.03%ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่โดยส่วนใหญ่ดำเนินการในรูปแบบของบริษัทจำกัดและพบว่ามีการเพิ่มทุนของธุรกิจในปี 2563(ม.ค.-ส.ค.) ถึง 1.44 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562(ม.ค.-ส.ค.) โดยในปี 2563นี้มีการเพิ่มทุนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2560

รวมทั้งพบว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวในส่วนของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มากนักโดยมีมูลค่าการลงทุน 626.05 ล้านบาท คิดเป็น 10.33%ของการลงทุนในธุรกิจนี้ แสดงให้เห็นว่าธุรกิจทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเกือบทั้งหมดเป็นการบริการโดยคนไทย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้น ดังนั้นผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนทั้งบุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่ต้องปฎิบัติอย่างถูกสุขลักษณะ การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐานรับรองรวมทั้งการรักษามาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ความเชื่อมั่นและความซื่อสัตย์ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตในธุรกิจได้อย่างยั่งยืน