‘สถาบัน’จ่อขาย2.3หมื่นล. หวังนำเงินซื้อ‘เอสซีจีพี’

‘สถาบัน’จ่อขาย2.3หมื่นล.  หวังนำเงินซื้อ‘เอสซีจีพี’

บล.เอเซียพลัส คาด นักลงทุนสถาบันขายหุ้นราว 2.3 หมื่นล้าน หวังนำเงินจองซื้อหุ้น "เอสซีจี แพคเกจจิ้ง" กดดัชนีผันผวน ชี้หลังเข้าเทรด เบียด “ทุนธนชาต" เสี่ยงหลุดเซ็ท50-"ดิ เอราวัณ"หลุดเซ็ท100  ประเมินราคาเหมาะสมปี64 ที่ 41 บาท 

หุ้นน้องใหม่บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) SCGP เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเปิดขายไอพีโอ จำนวน ไม่เกิน 1,127.6 ล้านหุ้น (ไม่รวมหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน อาจใช้สิทธิซื้อหุ้น IPO จากบริษัทฯ ในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ที่ช่วงราคา 33.50-35 บาทซึ่งจะเริ่มเปิดให้จองซื้อ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.-7 ต.ค.(ขึ้นอยู่กับประเภทของผู้จองซื้อ) ส่วนนักลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) และผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchaser) จะมีการชำระเงินค่าซื้อหุ้นวันที่ 9-14 ต.ค.2563

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่า นักลงทุนสถาบันจะมีแรงขายหุ้นตัวอื่นฯออกมาก่อนที่ SCGP เข้าจดทะเบียนประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก สถาบันในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 18 แห่ง (ไทย 14 บลจ.และต่างประเทศ 4 บลจ.) ได้รับสิทธิของซื้อ SCGP (Cornerstone Investors) จำนวน 676.53 ล้านหุ้น หรือราว 2.37 หมื่นล้านบาท ทำให้ต้องมีการขายหุ้นบางส่วนออกมา เพื่อนำเงินไปชำระค่าจองซื้อหุ้นดังกล่าวทำให้ตลาดผันผวนในช่วงนี้

จากสถิติในอดีต 1 เดือนก่อนที่หุ้นขนาดใหญ่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯมักจะส่งผลให้หุ้นใน SET50 ปรับฐานประมาณ 3-6% และหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันปรับฐานแรง 6-10% เริ่มจากก่อนที่หุ้น AWC เข้าซื้อขาย 1 เดือน ดัชนี SET50 ลดลง 3.6% หุ้นในกลุ่มอสังหาฯลดลง 6.15% และช่วงก่อน 1 เดือนที่ CRC เข้าซื้อขาย SET50 ปรับตัวลดลง 5.86% และหุ้นในกลุ่มค้าปลีกลดลง 10.59% ขณะที่ปัจจุบัน SCGP อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial) อาทิ ปิโตรเคมี, ยานยนต์, วัสดุเครื่องจักร, กระดาษ, บรรจุภัณฑ์ และเหล็ก และเป็นที่สังเกตว่า หุ้นปิโตรเคมีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในกลุ่มฯ ปรับฐานแรงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เช่นเดียวกับสถิติในอดีต

ทั้งนี้จากที่ SCGP เป็นหุ้นขนาดใหญ่ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 1.4-1.5 แสนล้านบาท (ใหญ่ติดอันดับ 19-20 ของหุ้นที่ใหญ่สุดในตลาด) และยังมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนี SET50, SET100 แบบทันที (Fast track) หากวันแรกของการซื้อขายราคาปรับตัวขึ้นได้ดี ทำให้หุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปน้อยสุดในแต่กลุ่มดัชนีจะถูกปรับออก โดยคาดว่าหุ้นที่มีความเสี่ยงหลุดออกจาก SET50 คือ  บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ  TACP ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปน้อยสุดที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และหุ้นที่มีความเสี่ยงออกจาก SET 100 คือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปจำนวน 8 พันล้นบาท

บล.เอเซีย พลัส ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SCGP ในปี 2564 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด หรือ Discount Cash Flow ในการประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SCGP เพื่อสะท้อนศักยภาพการเติบโตในระยะยาวภายใต้แผนการลงทุนหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่ารายได้ปี 2563 ของ SCGP อยู่ที่ 6,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8% จากช่วยเดียวกันปีก่อน และคาดว่ากำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 8,335 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.1%