"Bank" Sector (24 ก.ย.63)

"Bank" Sector (24 ก.ย.63)

งบดุลเดือนสิงหาคม 2563 – ธนาคารมีสภาพคลอ่งเพิ่มขึ้น

Event

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจจากงบดุลของธนาคารในเดือนสิงหาคม

lmpact

สินเชื่อฟื้นตัวอย่างช้า ๆ

แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 แล้ว แต่กิจกรรมการปล่อยกู้ก็ยังค่อนข้างนิ่ง โดยทรงตัว MoM แต่เพิ่มขึ้น +5% YTD และ +4% YoY ทั้งนี้ สินเชื่อของ KBANK ขยายตัวมากที่สุดที่ +1% MoM +8.3% YTD และ +10% YoY แต่ของ BBL หดตัวลง -1% MoM และ ขยายตัว +2% YTD หลังจากที่เราได้คุยกับธนาคารต่าง ๆ ก็พบว่าธนาคารหยุดปล่อยสินเชื่อ SME และสินเชื่อผู้บริโภค แต่ยังปล่อยสินเชื่อให้แค่ธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น

ฐานเงินฝากยังสูง

หลังจากที่ฐานเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เงินฝากของธนาคารส่วนใหญ่ก็นิ่ง ๆโดยฐานเงินฝากรวมทรงตัว MoM แต่เพิ่มขึ้น +10% YTD และ +11% YoY ทั้งนี้ ฐานเงินฝากของ SCB เพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ +3% MoM และ +11% YTD ในขณะที่ฐานเงินฝากของ KTB ลดลง -2% MoM แต่เพิ่มขึ้น +10% YTD เรามองว่าฐานเงินฝากที่สูงสะท้อนถึงการที่ลูกค้าประเภทที่ไม่ชอบความเสี่ยง (risk a verse customer) โยกเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงมาเป็นเงินฝากแทน

ปล่อยกู้ในตลาดเงิน และขยายพอร์ตการลงทุนอย่างคึกคัก

จากฐานเงินฝากที่สูง และสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ไม่มีกิจกรรมการปล่อยกู้ ธนาคารต่าง ๆ จึงนำสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นไปปล่อยกู้ในตลาดเงิน และลงทุนในตราสารหนี้ โดยการปล่อยกู้ในตลาดเงินเพิ่มขึ้น +2% MoM และ +22% YTD (ไม่รวม TMB และ Tbank) ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เกิดกับธนาคารใหญ่ส่วนใหญ่ สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในขณะที่ธนาคารก็ลดการปล่อยกู้ในสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง และหันมาปล่อยกู้ในตลาดเงิน และลูกค้าสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำแทน ดังนั้น ด้วยสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ธนาคารส่วนใหญ่จึงเพิ่มสถานการณ์ลงทุนยกเว้น BBL โดยพอร์ตการลงทุนรวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 3% MoM แต่ลดลง -1% YTD โดยพอร์ตลงทุนของ SCB เพิ่มขึ้นถึง +9% MoM และของ KTB เพิ่มขึ้น 5% MoM

ปัจจัยลบมีนํ้าหนักมากกว่า

ธนาคารกำลังเผชิญความท้าทายจากการระบาดรอบสองของ Covid-19 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเปราะบางมาก ในขณะเดียวกัน สินเชื่อที่มีปัญหาก็ยังอยู่ภายใต้โครงการผ่อนผันหนี้ไปจนถึงสิ้นปี ดังนั้น ธนาคารจึงมีเวลาบริหารจัดการ NPL ได้นานขึ้น เราใช้สมมติฐานในกรณีฐานว่าประมาณ 10%ของสินเชื่อที่อยู่ในโครงการผ่อนผันหนี้จะกลายเป็น NPL ซึ่งจะดันให้สัดส่วน NPL พุ่งขึ้นจาก 4% เป็น 7 % ใน 4Q63-1Q64 ดังนั้น เราจึงมองว่าธนาคารจะถูกกดดันจากกระแสข่าวลบในระยะต่อไป

Risks

NPL ใหม่เพิ่ม >80% เงินกองทุนขั้นที่ 1 ลดลง >2% จากการทำ stress test ในกรณีเลวร้าย