ปปง.ลุยสอบ‘4แบงก์ไทย’ ย้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ปปง.ลุยสอบ‘4แบงก์ไทย’ ย้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ปปง. เตรียมสอบข้อเท็จจริง กรณี “4แบงก์ไทย” มีรายชื่อติดในเอกสาร “FinCEN” พัวพันโอนเงินผิดกฎหมาย ด้าน “เอ็กซิมแบงก์” ย้ำปฏิบัติตามกฎหมายทุกด้าน ยืนยันไม่พบรายการต้องห้าม ขณะ “หุ้นแบงก์” ร่วงยกแผง ด้าน “นักวิเคราะห์” เชื่อเป็นผลจากความกังวลหนี้เสียมาก

หลังจากมีการเผยแพร่เอกสารลับของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินสหรัฐ หรือ FinCEN โดย สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ(ICIJ) ซึ่งระบุว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกได้ปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์

โดยในจำนวนนี้ พบว่า มีธนาคารพาณิชย์ไทย 3 แห่ง และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐอีก 1 แห่ง รวมเป็น 4 แห่ง อาจมีกิจกรรมที่น่าสงสัยรวมทั้งสิ้น 92 ธุรกรรม มูลค่ารวม 41.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,239.26 ล้านบาท ล่าสุด ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เตรียมเข้าตรวจสอบรายการดังกล่าว ขณะที่ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้

พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) กล่าวว่า ปปง.อยู่ระหว่างการเร่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ซึ่งยังไม่พร้อม ในการให้ข้อมูลหรือรายละเอียดในขณะนี้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะสอบถามไปยังต้นทางของประเด็นข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ขณะที่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ซึ่งมีรายชื่อเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนเงินต้องสงสัย ระบุว่า EXIM BANK ขอชี้แจงว่า ธุรกรรมดังกล่าวเป็นกระบวนการทำงานปกติ ซึ่งธนาคารได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว และไม่พบรายการต้องห้าม ทั้งยังได้ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างครบถ้วน จึงได้ดำเนินธุรกรรมตามขั้นตอนปกติ

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยวานนี้(22ก.ย.) ปรับลดลงถ้วนหน้า นำโดย ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลง 3.37% ธนาคารกสิกรไทย ลดลง 3.16% ธนาคารกรุงเทพ ลดลง 2.99% ธนาคารกรุงไทย ลดลง 2.16% และ ธนาคารกรุงศรี ลดลง 0.51% ส่วนดัชนีหุ้นไทยวานนี้ลดลงเพียงเล็กน้อย 0.59% มาปิดตลาดที่ 1,267 จุด

นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ปรับตัวลดลงวานนี้ เป็นผลมาจากเซ็นติเมนท์เชิงลบของตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากกว่า ซึ่งในส่วนของประเด็นกรณีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนเงินผิดกฎหมาย 2 ล้านล้านเหรียญและมีกระแสข่าวว่า 4 ธนาคารไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เชื่อว่าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนออกมาแจ้งให้ทราบว่า มีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน โดยฝ่ายวิจัยยังไม่ขอให้ความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์น้อยกว่าตลาด เนื่องจากประเมินว่าแม้ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์จะปรับตัวลดลงมามาก ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราว 2 SD แต่มองว่าภาพรวมกลุ่มแบงก์ยังขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆโดยเฉพาะเรื่องการจ่ายเงินปันผลที่ยังต้องรอดูแบบทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) ที่กลุ่มแบงก์จะส่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงเดือนต.ค.นี้ ก่อนพิจารณาเปิดทางให้หุ้นแบงก์กลับมาปันผลระหว่างกาลได้ และทำให้นักลงทุนอาจเลือกไปลงทุนหุ้นกลุ่มอื่นๆแทน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แรงกดดันหุ้นแบงก์ที่เพิ่มเข้ามาในช่วงนี้คือประเด็นความวิตกกังวลหนี้เสียที่จะกลับมาเพิ่มขึ้น หลังมาตรการช่วยเหลือของธปท.จะสิ้นสุดลง ประกอบกับใกล้ช่วงปิดงบแบงก์งวดไตรมาส 3/2563 ซึ่งกลุ่มแบงก์จะประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรก จึงทำให้มีแรงขายลดความเสี่ยงออกมา

ทั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักกลุ่มแบงก์เท่ากับตลาด พร้อมแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นในกลุ่มรายตัว โดยแบงก์ที่ชอบได้แก่ BBL และ KKP เนื่องจากอัตราเงินปันผลค่อนข้างสูงและฐานะการเงินแข็งแกร่ง