ลงต่อ ปัจจัยภายนอกแย่กว่าที่คาด

มุมมอง SET Index วันอังคาร: ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินดัชนีฯ ปรับลงต่อ... หลังจากเมื่อวานนี้หุ้นไทยลงแรง (ผิดคาด) หลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดมาช่วงบ่ายลดลงแรง + ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงแรง ตามความกังวลของนักลงทุนต่อการติดเชื้อ COVID-19 ในยุโรป และรายงานของหน่วยงานชื่อ FinCen รายงานไปยังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ว่าหลายธนาคารในโลกเป็นช่องทางโอนถ่ายเงินที่ไม่ถูกกฎหมาย กระทบจิตวิทยาหุ้นธนาคารทั่วโลก... ขณะที่ในวันนี้คาดว่าจิตวิทยายังเป็นลบ และ SET Index มีโอกาสลงไปแถวระดับ 1,260 จุด อิงการคำนวณจาก earnings yield gap เฉลี่ย 10 ปีซึ่งอยู่ที่ 4.1% และน่าจะมี
โอกาสรีบาวด์จากแถวๆ บริเวณดังกล่าว

ปัจจัยต่างประเทศ - เป็นลบ: i) การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ ยังคงรุนแรงขึ้นและเริ่มมีกระแสข่าวว่าอังกฤษอาจประกาศล็อกดาวน์อีกครั้งในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ความกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรปและเศรษฐกิจโลกกลับมาอีกครั้ง ii) ในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดหุ้นปรับลงแรงเช่นกันเมื่อคืนนี้ ทั้งจากประเด็น COVID-19 ในยุโรปรวมทั้งข่าวที่ว่าการพิจารณามาตรการกระตุ้นรอบที่ 2 ของคองเกรสอาจล่าช้าออกไป เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังให้ความสำคัญกับการแต่งตั้ง ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ

ปัจจัยภายในประเทศ - เป็นกลาง: i) ติดตามผลประชุม กนง. วันที่ 23 ก.ย. นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ของ KGI ประเมิน กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% และ กนง. จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563-2564... ขณะที่เมื่อวานนี้ ตลท. ประกาศกลับไปใช้เกณฑ์ขายชอร์ตเป็นปกติ และใช้ราคาซิลลิ่ง-ฟลอร์ ที่ 30% เช่นเดียวกับช่วงก่อน COVID-19 ระบาด... โดยจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. 2563

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร EPG*, PTG*, TISCO*

- EPG* (เป้า Consensus 5.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.82 บาท / แนวต้าน 4.94 บาท หากผ่านไปได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 5.15 บาท (Stop loss 4.7 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดโดยเฉพาะ i) ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ (ราคา Laggard กลุ่มยานยนต์)
และ ii) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก 3) คาดเริ่มรับอานิสงส์จากต้นทุนที่ลดลง i) ต้นทุนเม็ดพลาสติกลดลง และ ii) การคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร

- PTG* (เป้าพื้นฐาน 21.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 17.4 บาท / แนวต้าน 18.1 - 18.5 บาท (Stop loss 16.5 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลการดำเนินงาน 3Q63 ยังโตเด่น +80% YoY (ค่าการตลาดฯ + ปริมาณขายดีขึ้น) แต่ชะลอตัวลงเล็กน้อย -9% QoQ (ค่าการตลาดฯลดลงเล็กน้อย QoQ) ขณะที่ประเมิน Upside จะอยู่ที่ธุรกิจไบโอดีเซลที่ล่าสุดราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง (โอกาสกำไรสต๊อกมากกว่าคาด)

- TISCO* (เป้าพื้นฐาน 94 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 64 บาท / แนวต้าน 65.5 - 67 บาท (Stop loss 63 บาท) 2) เราประเมิน Valuation และ Dividend yield น่าสนใจ โดย PE ตํ่าเพียง 9.3 เท่า Dividend yield 9.3% 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์จะเริ่มฟื้นตัวได้ใน
2H63 - 2564 ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจหลังการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์

หุ้นมีข่าว

(+) SCGP เคาะช่วงราคาไอพีโอ 33.50-35.00 บ. (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) เอสซีจี แพคเกจจิ้งกำหนดช่วงราคาหุ้นไอพีโอระหว่าง 33.50-35.00 บาทต่อหุ้น ด้วยการเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นของ SCGP ผู้ถือหุ้นของ SCC* เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Pre-emptive Rights) จองซื้อก่อนระหว่าง 28 ก.ย.ถึง 2 ต.ค. 2563

(+) แจกเงิน 3,000 เข้าครม.วันนี้ เติมบัตรคนจน 500 บาท 3 เดือน (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) คลังเสนอโครงการ "คนละครึ่ง" แจกเงิน 3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน พร้อมเติมเงินบัตรสวัสดิการอีก 500 บาท 3 เดือน เข้า ครม. วันนี้ คาดใช้เงินทั้งสิ้น 5.1 หมื่นล้านบาท หวังกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ดีเดย์เปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนร่วมโครงการ 1 ต.ค. ก่อนจะให้ประชาชนลงทะเบียนรับเงิน 16 ต.ค. ระบุร้านสะดวกซื้อ-โมเดิร์นเทรด หมดสิทธิ์เข้าร่วม

(- กลุ่ม Non-bank MTC*, SAWAD*) ออมสินลุยจำนำทะเบียนรถ (ไทยโพสต์) เล็งจับมือนอนแบงก์/กคช.คลอดพันธบัตร 6.8 พันล. "ออมสิน" คาด พ.ย.2563 สรุปร่วมทุนนอนแบงก์ลุยธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หวังคุมตลาดกดดอกเบี้ยลง 10% เหลือไม่เกิน 18% ต่อปี "กคช." เคาะขายพันธบัตรเพื่อสังคมวงเงิน 6,800 ล้านบาท ระดมทุนสร้างที่อยู่อาศัยมีมาตรฐาน

(+) EGCO* ปิดดีลเงินกู้ขนส่งนํ้ามันทางท่อต่อยอดอนาคตโต (ทันหุ้น) EGCO* ปิดดีลเงินกู้สำหรับการพัฒนาและก่อสร้างโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปูทางต่อยอดอนาคตโต

(+) GUNKUL* ขายโซลาร์ฯญี่ปุ่น บุ๊กกำไรพิเศษ 715 ล้าน Q3 (ข่าวหุ้น) GUNKUL* รับทรัพย์ขายโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม Utsonomiya ในญี่ปุ่น มูลค่ารวม 1,750 ล้านบาท เตรียมบุ๊กกำไรพิเศษในไตรมาส 3/63 ราว 715 ล้านบาท “โศภชา” ลั่นหนุนสภาพคล่องเพิ่ม-มีความสามารถในการก่อหนี้ เพื่อรองรับการลงทุนโครงการใหม่