ปัจจัยลบรอบด้าน

ปัจจัยลบรอบด้าน

คาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,265 - 1,270 จุด จากความกังวลยุโรปจะใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบสองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19

ตลาดหุ้นวานนี้

SET -13.23 จุด (-1.03%) ปิดที่ระดับ 1,275 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท ตามตลาดหุ้นตปท.จากข่าวแบงค์ใหญ่ทั่วโลกมีส่วนในคดีฟอกเงิน รวมถึงแรงขายกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงจากความกังวล Oversupply

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

มุมมองเป็นลบคาด SET ปรับตัวลงทดสอบ 1,265 - 1,270 จุด จากความกังวลยุโรปจะใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบสองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 รวมถึงข่าวธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมโอนเงินที่ผิดกฎหมาย และความไม่แน่นอนของมาตรการเยียวยารอบใหม่ของสหรัฐซึ่งเป็นแรงกดดันต่อดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 3Q20 เติบโต TU ASIAN COM7 CHG PTG PLANB 
  • DELTA HANA KCE SMT อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • BDMS (ปิด 20.1 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 23.5) ธุรกิจเข้าสู่ high season ได้ผลบวกภาครัฐคลายเกณฑ์ Medical Tourists โดยเพิ่มจำนวนประเทศที่สามารถเข้ามารักษาพยาบาลตามโปรแกรม AHQ จากเดิม 3 ประเทศ เป็น 138 ประเทศ
  • MTC (ปิด 52.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 61) แนวโน้มผลกำไรยังโตต่อ จากยอดสินเชื่อที่ขยายตัวตามการขยายสาขา ขณะที่ครึ่งปีหลังได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยต่ำซึ่งกู้จากธนาคารออมสิน

บทวิเคราะห์วันนี้

IRPC (ปิด 2.1 อัพเกรดเป็นถือ/เป้า 2.4), Tourism sector

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) หุ้นยุโรป, สหรัฐ ร่วงหนัก จากข่าวแบงก์ฟอกเงิน, ยุโรปล็อกดาวน์รอบสอง: หุ้นยุโรปลดลงเฉลี่ย 3.5-4%, ดาวโจนส์ของสหรัฐลดลง 1.8% จาก 3 ปัจจัย 1) มีข่าวแบงก์ฯใหญ่ทั่วโลกมีส่วนผัวผันต่อการฟอกเงิน, 2)หลายประเทศในยุโรปใช้มาตรการ lockdown ครั้งที่ 2 ขณะที่อังกฤษเตรียม lockdown ทั่วประเทศอีกครั้ง และ 3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของสหรัฐยังล่าช้า
  • (-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน – น้ำมันร่วงกังวล Over supply ขณะที่ยุโรปปิดเมืองกระทบดีมานด์: WTI ลดลงสู่ระดับ 39.3bbl ลดลง 4.4% กังวลลิเบียกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มจากปัจจุบัน 1 แสนบาร์เรลต่อวัน เป็น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และข่าวยุโรปปิดเมืองรอบ 2 จะซ้ำเติมดีมานด์ให้ลดลงอีก
  • (+) กลุ่มค้าปลีก – คาด ครม.เห็นชอบมาตรการคนละครึ่งตามที่ ศบศ. เสนอ: มาตรการนี้จะเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนประมาณ 5.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1)เพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาทต่อคนต่อเดือน 14 ล้านคนเป็นเวลา 3 เดือน และ 2)โครงการคนละครึ่งช่วยสนับสนุนเงินใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาทต่อคนประมาณ 10 ล้านคน เริ่มลงทะเบียน 16 ต.ค.ปี 63 เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (MAKRO TNP)