หุ้นยุโรปปิดร่วงหนักสุดในรอบ 3 เดือนวิตกล็อกดาวน์รอบสอง

หุ้นยุโรปปิดร่วงหนักสุดในรอบ 3 เดือนวิตกล็อกดาวน์รอบสอง

หุ้นยุโรปปิดร่วงหนักสุดในรอบ 3 เดือนวิตกล็อกดาวน์รอบสอง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) โดยดิ่งลงรุนแรงที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบสองในยุโรปเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงจากรายงานเกี่ยวกับการโอนเงินผิดกฎหมายราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ของธนาคารชั้นนำหลายแห่ง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.24% ปิดที่ 356.82 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,792.04 จุด ลดลง 186.14 จุด หรือ -3.74%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,542.44 จุด ลดลง 573.81 จุด หรือ -4.37% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,804.29 จุด ลดลง 202.76 จุด หรือ -3.38%

ตลาดหุ้นยุโรปทรุดตัวลง หลังจากนายแพทริก แวลแลนซ์ ที่ปรึกษารัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้น 2 เท่าในทุก 7 วัน ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 50,000 รายต่อวันภายในกลางเดือนหน้า และจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 รายต่อวัน

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษเปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสองเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการของยุโรปร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วง 12.1% และหุ้นลุฟท์ฮันซา ร่วง 9.5% หลังบริษัทเปิดเผยว่า ได้ปรับลดกองบินและพนักงานลง อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19

หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลงด้วย หลังจากมีรายงานระบุว่า ธนาคารชั้นนำ อาทิ เอชเอสบีซี และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ได้ทำการโอนเงินผิดกฎหมายจำนวนมากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดย

หุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 5.26% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 5.82% ซึ่งเป็นการดิ่งลงอย่างหนักสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2541 ขณะที่หุ้นบาร์เคลย์ส และหุ้นดอยซ์ แบงก์ ซึ่งถูกระบุชื่อในรายงานดังกล่าวด้วยนั้น ร่วงลง 5.4% และ 8.8% ตามลำดับ