สารพัดปัจจัยลบรุมถล่มตลาดฉุดดาวโจนส์วูบ 500จุด

สารพัดปัจจัยลบรุมถล่มตลาดฉุดดาวโจนส์วูบ 500จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (21ก.ย.)ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัว 500จุด ท่ามกลางปัจจัยลบหลายประการที่กระทบตลาด รวมถึงนักลงทุนกังวลว่าอาจมีการล็อกดาวน์ระลอกใหม่ เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 509.72 จุด หรือ 1.8% ปิดที่ 27147.70 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 38.41 จุด หรือ 1.2% ปิดที่ 3281.06 จุดและดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 14.48 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 10778.80 จุด

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในวันนี้ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ขณะนี้ทั่วโลกติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 31 ล้านราย โดยสหรัฐเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกจำนวนกว่า 7 ล้านราย

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความวิตกต่อความขัดแย้งระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาวในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ขณะที่การเสียชีวิตของนางรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ อาจกระทบต่อกระบวนการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะเสนอชื่อผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดแทนนางกินส์เบิร์กในวันศุกร์ หรือวันเสาร์นี้

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มธนาคารต่างก็ทรุดตัวลง หลังจากมีรายงานข่าวของเว็บไซต์ของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) ระบุว่า ธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมโอนเงินที่ต้องสงสัย โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากเอกสารของเครือข่ายสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินสหรัฐ (ฟินเซน) ที่หลุดออกไปถึงสื่อของสหรัฐ และถูกแชร์เป็นวงกว้างโดยไอซีไอเจ

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกปล่อยให้มีการโยกย้ายเงินผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี แม้จะมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวก็ตาม โดยเอกสารลับของฟินเซน เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2542-2560 ซึ่งเงินเหล่านี้ได้รับอนุมัติการทำธุรกรรมโดยหน่วยงานภายในของสถาบันการเงินที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย

นักลงทุนยังวิตกกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า เขาจะไม่อนุมัติการขายกิจการของติ๊กต็อกให้แก่ออราเคิล คอร์ป และวอลมาร์ท อิงค์ หากไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อกยังคงถือหุ้นส่วนใหญ่

“ถ้าเราพบว่าออราเคิลและวอลมาร์ทไม่ได้เข้าถือหุ้นทั้งหมด เราก็จะไม่อนุมัติข้อตกลงดังกล่าว โดยเราจะยังคงจับตาดูอย่างใกล้ชิด” ปธน.ทรัมป์กล่าว

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย รวมทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อคณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้