ออมสินตั้งเป้าดึงส่วนแบ่งธุรกิจจำนำทะเบียน20%

ออมสินตั้งเป้าดึงส่วนแบ่งธุรกิจจำนำทะเบียน20%

ออมสินมั่นใจดึงส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์20%ของมูลค่าตลาดแสนล้าน ลุยร่วมทุนบริษัทจำนำทะเบียนรายใหญ่ไตรมาส 1 ปีหน้า หวังกดดอกเบี้ยในตลาดเหลือไม่เกิน 18% ต่อปี

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวว่า เมื่อธนาคารเดินหน้าธุรกิจจำนำทะเบียนรถยนต์แล้ว จะสามารถดีงส่วนแบ่งตลาดได้ไม่ต่ำกว่า 20%ของมูลค่าตลาดสินเชื่อรถยนต์ราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งความคืบหน้าของการดำเนินธุรกิจดังกล่าวนั้น ปัจจุบันธนาคารได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทจำนำรถยนต์จำนวน 25 แห่ง เพื่อให้ส่งข้อเสนอการทำธุรกิจกลับมายังธนาคาร ก่อนส่งรายชื่อให้ที่ปรึกษาที่ทางการเงินพิจารณาความเหมาะสมในเดือนต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารออมสินจะคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้ตรงกับความต้องการของธนาคารออมสิน อาทิ ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ อาทิ มอเตอร์ไซต์ กระบะ และรถเก๋ง ที่มีวงเงินกู้ไม่เกินรายละ 200,000 บาท ซึ่งไม่ครอบคลุมรถยนต์หรู และรถสปอร์ต เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่า ภายในเดือนพ.ย.2563 ธนาคารออมสินจะได้ข้อสรุปบริษัทที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์ร่วมกับธนาคารออมสิน เพื่อเสนอรายชื่อให้ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ธนาคารออมสินพิจารณา อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ธนาคารออมสินเข้าร่วมทุนด้วยนั้นจะเริ่มปล่อยกู้ได้ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564

“หากออมสินดำเนินธุรกิจรับจำนำรถยนต์แล้ว คาดว่า จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 10-20% ของมูลค่าตลาดสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีบทบาทในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ โดยตั้งเป้าจะทำให้ดอกเบี้ยในตลาดเหลืออยู่ไม่เกิน 18% ต่อปี จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ 24-28% ต่อปี”

ทั้งนี้ รูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทรับจำนำทะเบียนรถยนต์ดังกล่าว จะเปิดกว้างทั้งรูปแบบการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว หรือ ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ซึ่งธนาคารออมสินจะเข้าร่วมทุนด้วย โดยมีเงื่อนไขหลัก คือ ธนาคารออมสินจะเข้าไปถือหุ้นไม่เกิน 49% ในบริษัทดังกล่าว

"การร่วมทุนลักษณะนี้ ธนาคารจะเลือกผู้ร่วมทุนเพียง 1 รายเท่านั้น โดยหากเป็นผู้ที่เคยดำเนินธุรกิจนี้มาก่อนแล้วก็จะดีตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาขอใบอนุญาต ไม่ติดขัดเรื่องกฎระเบียบของธนาคารและยังสามารถนำระบบและคนที่มีความเชี่ยวชาญมาทำงานได้ทันที ส่วนข้อดีของทางพันธมิตรก็คือ จะได้แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำของออมสินไปปล่อยกู้ต่อ รวมถึง ใช้เครือข่ายของสาขาธนาคารที่มีอยู่ทั่วประเทศต่อยอดการดำเนินงานต่างๆได้อีกด้วย"