"อนุทิน"ประกาศ1 ต.ค. สธ.เริ่มงานNew Normal เดินหน้าลุยโควิด

"อนุทิน"ประกาศ1 ต.ค. สธ.เริ่มงานNew Normal เดินหน้าลุยโควิด

"อนุทิน"ประกาศ 1 ต.ค. สธ.เริ่มงานแบบNew Normal เดินหน้าลุยโควิด ยาหอมรัฐบาลเป็นหนี้บุญคุณอสม. เผย "บิ๊กตู่" เริ่มมีรอยยิ้ม ผ่อนคลายหลังพบปะอสม.

    เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่อิมแพค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. สาธารณสุข กล่าวภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ เตรียมความพร้อม อสม. เฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 รอบที่ 2 ว่า ตนไม่เห็นรอยยิ้มของนายกฯ และท่าทีผ่อนคลายของนายกฯ มานานแล้ว ถึงไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุขแต่ท่านให้เกียรติและมีความรู้สึกว่าเราจะต้องเป็นพวกเดียวกันเพื่อทำให้ประชาชนชาวไทยปลอดภัย ให้ประเทศไทยปลอดเชื้อ ปลอดโรค และท่านทราบดีว่าระบบสาธารณสุข บุคลากรการแพทย์ รวมถึง อสม. มีศักยภาพมากเพียงใด การที่เราได้มาพบกัน ถือเป็นการเติมกำลังใจให้กันทั้ง 2 ฝ่าย

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ได้รับรายงานจากนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ว่านอกจากวันนี้ทุกคนได้ค่าตอบแทนรายละ 500 บาทรวม 7 เดือนคือ 3,500 บาท ยังมีค่าตอบแทนประจำเดือน ที่อสม.ได้รับตามปกติอยู่แล้วอีก 2 เดือน เดือนละ 1,000 บาทรวมเป็น 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม ท่านนายกฯ ย้ำว่านี่ไม่ใช่ค่าตอบแทน แต่ไม่ต้องการให้ทุกคนเดือดร้อน ไม่ต้องการให้ต้องออกเงินส่วนตัวซื้อเครื่องมือวัดไข้อะไรต่างๆ จึงจ่ายทดแทนให้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในครัวเรือนของท่าน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของทุกคน

ซึ่งช่วง 9 เดือนของสถานการณ์โควิด 19ที่ผ่านมา ถือว่ารัฐบาลเป็นหนี้บุญคุณอสม. เพราะลำพังการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐไม่เพียงพอ แต่อสม.กว่า 1.05 ล้านคน ช่วยแบ่งเบาภารกิจอย่างมาก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีคนติดเชื้อในประเทศและเสียชีวิตต่อเนื่องมานาน

"เชื่อว่าทุกคนในที่นี้ยินดีที่ได้พบผู้นำประเทศเพราะท่านมาแบบตั้งใจมา และมีสิ่งในใจ และอยากจะพูดกับพี่น้องอสม. พอท่านนายกฯ ขึ้นมาอยู่บนเวทีมองลงไปเห็นอสม.เต็มห้องก็เป็นกำลังใจให้ท่าน และเชื่อว่าท่านจะไม่ลืมและทอดทิ้งอสม.ทุกคนแน่นอน สิ่งที่เห็นนี้เป็นภาพที่เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ให้ประชาชนอุ่นใจว่าระบบสาธารณะ ของประเทศไทยรัฐบาล ตั้งแต่ผู้นำรัฐบาล จนถึงรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในกระทรวงสาธารณสุข คณะรัฐมนตรีและผู้ที่เป็นเสาค้ำยันระบบสาธารณสุขของไทยมีความเข้มแข็งขนาดไหน เพราะฉะนั้นภารกิจในการควบคุมป้องกันโรคไม่ว่าจะเป็นโควิด หรือโรคอะไรต่างๆ ก็ตามต้องสำเร็จแน่นอนภายใต้ความร่วมมือของเราทุกคน " นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เพื่อให้ประเทศเดินหน้า จึงมีการผ่อนคลายแต่เข้มข้นเรื่องมาตรการป้องกัน รักษา ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 หลังขึ้นปีงบประมาณใหม่ กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มทำงานแบบ New Normal เดินหน้าลุยโควิดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ จะต่อสู้เต็มความสามารถเพราะรู้จักโรคนี้และเข้าใจมากขึ้นแล้ว ก็จะมีการเฝ้าระวังเชิงรุกมากขึ้น และขอให้ประชาชนไม่ล็อคดาวน์ตัวเอง เข้าใจโรค รู้วิธีป้องกัน และใช้ชีวิตตามปกติที่สุด และหากเจอผู้ป่วยหลุดมาบ้างก็พร้อมที่จะรักษา มีความพร้อมจนกว่าจะมีวัคซีน ขออสม.บอกชาวบ้าน บอกคนที่เราดูแล การ์ดต้องไม่ตกคือสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ กินร้อนช้อนใครช้อนมัน ยืนเว้นระยะพอสมควร อย่าไอจามใส่กัน อย่าใช้ภาชนะสิ่งของร่วมกัน แค่นี้โควิดก็ทำอะไรเราไม่ได้

“ ขอให้ทุกๆ คนจำคำนี้เอาไว้แล้วไปบอกชาวบ้าน ให้ช่วยกันทำ และสอดส่องถ้าพบคนต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือคนมีอาการ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพื่อนำตัวเข้าสู่ระบบการสอบสวนโรคในระยะเวลาอันรวดเร็ว นี่คือคำยืนยันว่าระบบสาธารณสุขไทยไม่มีปัญหาแน่นอนเพราะมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง”นายอนุทินกล่าว