นายกฯฝากภารกิจอสม.สร้างประเทศรักสามัคคี

นายกฯฝากภารกิจอสม.สร้างประเทศรักสามัคคี

นายกฯชื่นชมอสม.พลังขับเคลื่อนระบบสุขภาพคนไทย ฝากภารกิจเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างประเทศไทยมีความสุข รักสามัคคีอย่างยั่งยืนตลอดไป

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ที่อาคารฟอรั่ม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานเปิดการจัดงานรณรงค์เตรียมความพร้อมอสม.เฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19ว่า อสม.เป็นคนกลุ่มหนึ่งจำนวนกว่า 1 ล้านคนที่ร่วมกันทำประโยชน์ให้กับสังคม อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องระมัดระวังและเข้มงวดเหมือนเดิม แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆไปแล้ว แต่กลไกในระดับพื้นที่ท้องถิ่นทั้งแพทย์ พยาบาล รวมถึงอสม. ซึ่งเป็นด่านหน้ายังต้องดำเนินการต่อไป นี่คือคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกัน เพราะไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่นเลย

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งอสม.จะเป็นแกนนำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางด้านสุขภาพให้มากที่สุดและตลอดไป ไม่เฉพาะสถานการณ์โควิคเท่านั้น แต่หมายถึงสถานการณ์อื่นๆด้วย เพราะประเทศไทยมีปัญหาสุขภาพอยู่พอสมควร ระบบสาธารณสุข มุ่งหวังให้เกิดการป้องกันสุขภาพของคนไทย ด้วยการสร้างการรับรู้ในการป้องกันตัวเอง เน้นที่การป้องกันมากกว่าการรักษา

สิ่งที่อสม.ทำวันนี้เป็นบรรทัดฐานให้กับประเทศไทยและไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสุขภาพอย่างเดียวแต่รวมถึงเรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ขอฝากอสม.ในเรื่องของการสร้างความรัก ความสามัคคี สร้างความรักชาติ ซึ่งทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยอยู่มายาวนานด้วยชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เรายึดถือยึดมั่นในหัวใจของคนไทยทุกคน

จึงขอฝากอสม.ในภารกิจช่วยให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมและสถานการณ์โลก หากเราแก้ปัญหาโควิดไม่ได้เศรษฐกิจก็จะมีปัญหามากขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ทำเชิงป้องกันระงับยับยั้งสกัดกั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด จนหลายประเทศมาเรียนรู้เป็นแบบอย่าง

ต่างประเทศไม่มีอสม. หลายประเทศรัฐบาลก็มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายกฎระเบียบต่างๆให้คนปฏิบัติตาม แต่ประเทศไทยมีกลไกอสม.เป็นการลดการกระทบกระทั่งระหว่างภาครัฐและประชาชนในการออกมาตรการป้องกันโรคต่างๆ จึงต้องภูมิใจว่าเรามีระบบการแพทย์ ระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง กลไกภาครัฐเอกชนและสังคม บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนในการรับมือการเฝ้าระวัง คัดกรอง จนกระทั่งอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

“ฝากประเทศไทยไว้ในมือของท่านทุกคน ฝากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ในมือท่านด้วยในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความสุข มีความรักความสามัคคีอย่างยั่งยืนตลอดไป ขอให้ทุกคนภูมิใจในการเป็นด่านหน้า ขอให้ทุกคนได้ช่วยกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพลังการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของระบบสาธารณสุขและของประเทศจะส่งผลให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว