'ไบเดน'โจมตี'ทรัมป์'ล้มเหลวรับมือเศรษฐกิจ

'ไบเดน'โจมตี'ทรัมป์'ล้มเหลวรับมือเศรษฐกิจ

'ไบเดน'วิจารณ์'ทรัมป์'ล้มเหลวรับมือเศรษฐกิจ และไม่ช่วยบรรเทาวิกฤติด้านสาธารณสุขของประเทศ ขณะทรัมป์ กลับลำ บอกสหรัฐจะผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้เพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคน ภายในเดือนเม.ย.ปี64

นายโจ ไบเดน ผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต วิจารณ์การรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ (18ก.ย.)ในขณะที่รณรงค์หาเสียงในรัฐมินเนโซตา ที่ถือเป็นรัฐสมรภูมิเลือกตั้งและเป็นหนึ่งใน4รัฐที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีล่วงหน้า

ทั้งนี้ โพลล์หลายสำนักบ่งชี้ว่า ทรัมป์ ยังมีคะแนนนิยมตามหลังไบเดน ก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี 3 พ.ย.แต่ผู้นำสหรัฐพยายามเรียกคะแนนนิยมในรัฐนี้กลับคืนมา โดยในการเลือกตั้งเมื่อปี2559 เขาสูญเสียคะแนนให้กับนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครตไปประมาณ 1.5%

นายไบเดน ได้เดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมสหภาพแรงงานช่างไม้ในเฮอร์มานทาวน์ ชานเมืองดูลัท พร้อมทั้งกล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในมินเนโซตา ซึ่งเป็นรัฐที่มีแหล่งแร่เหล็กที่สำคัญของประเทศว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ทำให้คนตกงานจำนวนมาก เพราะฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ ที่ประสบความล้มเหลวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังบอกด้วยว่า ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันคนนี้แทบไม่ได้ทำอะไรที่ช่วยบรรเทาวิกฤติด้านสาธารณสุขของประเทศเลย

“ทรัมป์ควรจะเลิกเสแสร้งว่าทำหน้าที่ของประธานาธิบดีได้แล้ว”นายไบเดน กล่าว

นอกจากนี้ ไบเดน ยังให้คำมั่นว่าจะลงทุนมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐ ไปพร้อมๆกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งยังสัญญาด้วยว่า โครงการของรัฐบาลทุกโครงการในยุคที่เขาเป็นผู้นำจะใช้วัสดุที่ผลิตในสหรัฐและให้แรงงานในสหรัฐ

“ไบเดน”บอกอย่าเชื่อทรัมป์เรื่องวัคซีนโควิด

นายไบเดน ปฏิเสธคคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ว่า กำลังใกล้จะมีวัคซีนโรคโควิด-19 แล้ว พร้อมทั้งเตือนชาวอเมริกันว่า อย่าเชื่อถือคำพูดของประธานาธิบดี ความคิดที่ว่ากำลังจะมีวัคซีนและทุกอย่างจะดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ย้ำอีกครั้งเมื่อวันพุธว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะมีพร้อมสำหรับการแจกจ่าย ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย.ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึง โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคชี้ว่า ต้องรอไปถึงกลางปี 2564 จึงจะมีวัคซีนพร้อมใช้เป็นวงกว้าง

ต้นเดือนที่ผ่านมา ดร.แอนโทนี ฟาวชี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานหลักในการควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐ ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่า วัคซีนโควิด-19 อาจจะพร้อมเร็วที่สุดในเดือน พ.ย.หรือเดือน ธ.ค.โดยที่เขาไม่เห็นด้วยว่า วัคซีนโควิด-19 อาจจะพัฒนาเสร็จสิ้นในเดือน ต.ค. ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งประเมินว่า วัคซีนโควิด-19 จะยังไม่พร้อมใช้งานไปจนกว่าจะถึงช่วงต้นปี 2564

ปัจจุบันมีวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในสหรัฐ 3 ชนิดที่อยู่ระหว่างการทดลองขั้นสุดท้าย แต่ละชนิดมีอาสาสมัครที่ทดลองวัคซีนอยู่ที่ประมาณ 30,000 คน ซึ่งจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งถึงจะเห็นประสิทธิภาพ รวมทั้งผลข้างเคียงจากวัคซีน

แต่ล่าสุด เมื่อวันศุกร์(18ก.ย.)ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยว่า สหรัฐจะผลิตวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ได้เพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคนภายในเดือนเม.ย. 2564 และสหรัฐจะมีวัคซีนต้านโรคโควิดอย่างน้อยที่สุด 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ หรือ “อาจจะมากกว่านั้น”

“เราจะมีวัคซีน 100 ล้านโดสในทุกๆ เดือน และเราคาดว่าวัคซีนจะเพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคนภายในเดือนเม.ย. 2564 โดยการส่งมอบวัคซีนจะเป็นไปอย่างรวดเร็วมากเมื่อมีการผลิตออกมา” ปธน.ทรัมป์ ระบุ

ชี้“ทรัมป์”ก่ออาชญากรรมปิดบังความร้ายแรงโควิด

เมื่อวันพฤหัสบดี (17ก.ย.)ประธานาธิบดีทรัมป์และนายไบเดนต่างโจมตีกันและกันในประเด็นความเหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี โดยทรัมป์ วัย 74 ปี กล่าวหาอดีตรองประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งมีอายุ 78 ปีว่าอ่อนแอและมีความผิดปกติในด้านการใช้ความคิด

ส่วนนายไบเดน ก็โจมตีทรัมป์ว่า ขาดสติ และไร้เหตุผลในการจัดการแก้ปัญหาการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และว่าประธานาธิบดีทรัมป์ควรพูดความจริงกับชาวอเมริกันเกี่ยวกับการระบาดของโรคร้ายนี้ การปกปิดข้อมูลเรื่องความร้ายแรงของโรคโควิด-19 ใกล้เคียงกับการก่ออาชญากรรม

โพลล์เผย‘ทรัมป์’รับมือศก.ได้ดีกว่า

ผลสำรวจคะแนนนิยมทั่วประเทศช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่านายไบเดน มีคะแนนเหนือกว่าทรัมป์ อยู่ประมาณ 6-7 จุด แต่ต่อคำถามที่ว่า ผู้สมัครคนไหนที่จะรับมือกับปัญหาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ดีที่สุด กลายเป็นว่าทรัมป์ยังคงมีคะแนนดีกว่าไบเดน

ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็น เมื่อกลางเดือนที่แล้ว ระบุว่า 53% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื่อว่าทรัมป์ คือผู้สมัครที่ดีกว่าเมื่อมองในด้านเศรษฐกิจ เทียบกับ 45% ที่เชื่อว่าไบเดนสามารถบริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่า และและเมื่อต้นเดือนก.ย. ผลสำรวจจากซีเอ็นเอ็นบ่งชี้อีกครั้งว่าทรัมป์มีคะแนนเหนือกว่าเล็กน้อยคือ 49% - 48% ขณะที่ผลสำรวจของซีบีเอส นิวส์และมหาวิทยาลัย ควินนิแพคบ่งชี้ว่าผู้สมัครทั้งสองคนได้รับความเชื่อมั่นพอ ๆ กันในด้านเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณานโยบายเศรษฐกิจของผู้สมัครทั้งสองคนจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันตามนโยบายหลักของทั้งสองพรรค กล่าวคือ ขณะที่ทรัมป์เสนอให้มีการลดภาษีมากขึ้นและลดกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่รัฐบาลนำมาใช้ ไบเดนก็เสนอให้มีการขึ้นภาษีสำหรับคนรายได้สูงและภาคธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐในส่วนของสวัสดิการสังคมและโครงการสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ แต่ที่คล้ายกันคือ ผู้สมัครทั้งสองคนต่างเสนอให้มีมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในสหรัฐ มากกว่าการย้ายแหล่งการผลิตไปต่างประเทศเพื่อจ้างงานต่างชาติที่มีค่าจ้างถูกกว่า

4รัฐเริ่มหย่อนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า

เว็บไซต์ซีบีเอส รายงานว่า ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐมินเนโซตา เวอร์จิเนีย เซาท์ ดาโกตา และวายโอมิง เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 ล่วงหน้า โดยเฉพาะในรัฐเวอร์จิเนีย มีชาวอเมริกันต่อแถวยาวที่สุดเพื่อใช้สิทธิหย่อนบัตรเลือกตั้ง และในเมืองแฟร์แฟ็ซ์ เคาท์ตี้ ของรัฐนี้ก็มีประชาชนต่อคิวยาวหลายชั่วโมงเพื่อหย่อนบัตรเลือกตั้ง จนทำให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำตามจุดหย่อนบัตร ต้องเปิดห้องหย่อนบัตรลงคะแนนเสียงเพิ่ม

“โอบามา”เชิญชวนอาสาสมัครช่วยเลือกตั้ง

บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันออกมามีส่วนร่วมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ด้วยการเป็นอาสาสมัครประจำหน่วยเลือกตั้งต่างๆทั่วประเทศทั้งในเขตที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและเขตที่มีการเลือกตั้งตามปกติ คือวันที่ 3พ.ย.

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ทวีตว่า การเป็นอาสาสมัครสามารถช่วยชุมชนได้และทำให้มั่นใจได้ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความยุติธรรมและปลอดภัย