'ทองคำ'เสี่ยงถูกเทขาย ลุ้นยืนเหนือ 1,960-1,973 ดอลลาร์

 และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 ขณะที่นักลงทุนผิดหวังต่อการประชุมเฟด ซึ่งไม่ได้เปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

 สำหรับในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.00-31.40 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้LPRประจำเดือนก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต เป็นต้น ส่วนประเด็นที่ติดตามต่อเนื่องได้แก่ความขัดแย้งของสหรัฐและจีน หลัง WTO แถลงสหรัฐละเมิดการค้าระหว่างประเทศในกรณีเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนไป

ดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (14-18ก.ย.)เคลื่อนไหวในกรอบแคบโดยวานนี้ (18 ก.ย.) ปิดการซื้อขายที่ 1,288.39 จุด เพิ่มขึ้น 3.99 จุด หรือ 0.31% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 49,971.35 ล้านบาท ขณะที่ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าประเมินว่าดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาในวันที่ 19 ก.ย.นี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ประกอบกับวันที่ 23 ก.ย.2563 จะการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งในรอบนี้คาดว่าที่ประชุมจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% และสอดคล้องกับบอนด์ยิลด์ 1 ปีของไทยที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.51% อย่างไรก็ตามประเมินกรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,270-1,300 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,953.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 28,800 บาทต่อบาททองคำ ด้านวายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่าในระยะสั้นหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นแต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,960-1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนที่มีทองคำในมืออาจขายออกมาเพื่อทำกำไรหรือเปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถผ่านไปได้ และเมื่อเห็นการย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับแนะนำให้รอจังหวะเข้าซื้อคืนหรือปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,936-1,931 ดอลลาร์ต่อออนซ์