'เฮลิคอปเตอร์ มันนี่' เดิมพันครั้งสำคัญ 'ลุงตู่'

'เฮลิคอปเตอร์ มันนี่' เดิมพันครั้งสำคัญ 'ลุงตู่'

 ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังจับตาการยกระดับการชุมนุมของ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และคณะประชาชนปลดแอก จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายน 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

หากจับสัญญาณจากฟากฝั่งของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ นาทีนี้ ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่มีแผนที่จะไม่ใช้กำลังสลายการชุมนุมอย่างแน่นอน

ยิ่งดูจากข้อความระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เน้นย้ำหลายครั้ง ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่า การดูแลการชุมนุมครั้งนี้ของรัฐบาลจะทำด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรง

“ผมได้เน้นย้ำให้ปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล เพราะเป็นเด็ก เป็นลูกหลาน…ขอให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะอาจจะมีหลายคน หลายฝ่ายที่พยายามให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เพื่อนำไปสู่ความบานปลาย ซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องไม่ให้เกิดขึ้น”

แต่อีกความเคลื่อนไหวที่สำคัญของรัฐบาลในเวลานี้ คือ การเร่งอัดฉีด มาตรการแจกเงินถึงมือประชาชนโดยตรงหรือ “เฮลิคอปเตอร์ มันนี่” ที่หลายรัฐบาลในอดีตนำมาใช้ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสร้างความนิยมทางการเมือง ที่เรียกกันติดปากว่า ประชานิยม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้เฮลิคอปเตอร์ มันนี่ มีความสำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ที่หลายๆ ประเทศในโลกนำมาใช้ เพราะเชื่อว่าเมื่อประชาชนได้รับเงิน ก็จะนำไปจับจ่ายใช้สอยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้

 

หลังวิกฤติโควิด-19 ระบาด รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท อัดฉีดเงินในลักษณะเฮลิคอปเตอร์ มันนี่ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนไปแล้วหลายมาตรการ วงเงินกว่า 3.4 แสนล้านบาท

ประกอบด้วย การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนภายใต้โครงการ เราไม่ทิ้งกันกรอบวงเงิน 170,000 ล้านบาท มาตรการเยียวยาเกษตรกรกรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท การเยียวยากลุ่มเปราะบาง กรอบวงเงิน 20,345 ล้านบาท การช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรอบวงเงิน 3,493 ล้านบาท การเยียวยาชดเชยรายได้ลูกจ้าง 897 ล้านบาท

ล่าสุด ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.)เมื่อ 16 กันยายนที่ผ่านมา เห็นชอบหลักการมาตรใช้เงินแบบเฮลิคอปเตอร์ มันนี่ อีก 2 โครงการ

โครงการแรกได้แก่ การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐวงเงิน 21,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้จ่าย ซื้อสินค้ารายละ 500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนต.ค.-ธ.ค. 2563 ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 14 ล้านคน

อีกโครงการคือ โครงการคนละครึ่ง วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน ส่งเสริมการบริโภค ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ครอบคลุมผู้ประกอบการหาบเร่แผงลอย โดยรัฐบาลจะแจกเงินให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ 15 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้ 50% กลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน

มาตรการแจกเงินแก้ปัญหาผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสตัวจิ๋ว โควิด-19 ของรัฐบาลครั้งนี้ ถือว่า เป็น เฮลิคอปเตอร์ มันนี่ก้อนใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์