"BANKING" SECTOR (17 ก.ย.63)

"BANKING" SECTOR (17 ก.ย.63)

ระมัดระวังจากปัจจัยที่มองไม่เห็นและคาดเดาไม่ได้

การศึกษาของเราแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของธนาคารในการเพิ่มทุนที่แตกต่างกันไปตามปัจจัยพื้นฐานของแต่ละธนาคาร อย่างไรก็ตามเราประเมินอัตราส่วน NPL ของกลุ่มที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% โดยเฉลี่ย ณ สิ้นปี 2020 อาจส่งสัญญาณเตือนปัญหาทางการเงิน และมีความเสี่ยงให้ต้องเพิ่มทุนเพื่อรักษาเกณฑ์เงินกองทุนขั้นต่ำ เราเห็นว่าความเสี่ยงยังคงเป็นประเด็น และยังไม่มีความชัดเจนว่า คนที่พักชำระหนี้ปัจจุบันเหล่านั้นจะคืนเงินกู้ได้มากน้อยเพียงใดหลังจากช่วงผ่อนผันการชำระเงินทะยอยสิ้นสุด เราคงคำแนะนำให้ระมัดระวังกลุ่มธนาคาร

 

ธนาคารรายใหญ่มีสำรองหนี้เสียและเงินกองทุนในระดับสูง

ข้อมูลจากงบการเงิน 2Q20 รายงานหกธนาคารหลักในประเทศไทยมีเงินสำรองครอบคลุมเฉลี่ยหนี้เสีย 146% ซึ่งสะท้อนว่าการกันสำรองนั้นรองรับสัดส่วน NPL ได้ถึง 4.9% ของเงินกู้ทั้งหมด เทียบกับค่าเฉลี่ย NPL สำหรับหกธนาคารหลัก 3.3% รวมถึงธนาคารได้รายงาน CAR เฉลี่ยและสัดส่วน tier 1 ที่ 17.9% และ14.7% เกินกว่าข้อจำกัดขั้นต่ำของ BOT ที่ 12% และ 9.5% สำหรับ D-SIBs ตามลำดับ

 

แต่หากสัดส่วน NPL เพิ่มเร็วและมากกว่า 10% ในปีนี้แบงก์อาจต้องเพิมทุน

ในขณะที่ภาพมหภาคยังคงอ่อนแอ และมาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะค่อยๆหมดอายุไป หนี้เสียอาจเพิ่มขึ้นท่วมอุตสาหกรรมธนาคารตั้งแต่ 2H20 และต่อไปอีกในสองถึงสามปีข้างหน้า ซึ่งตลาดมีความกังวลว่าธนาคารมีสำรองหนี้เสียรวมถึงเงินกองทุนที่เพียงพอหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อ BBL เพิ่งประกาศออกตราสาร Global Medium Term Note Facility มูลค่ารวม US$750mn กระตุ้นให้เกิดความสงสัยและกังวลมากขึ้น โดยการศึกษาของเราแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ต่างกันไปในแต่ละธนาคาร อย่างไรก็ตามเราคาดว่า อัตราส่วน NPL ของกลุ่มที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ของธนาคารหลักหกแห่ง โดยเฉลี่ยในสิ้นปี 2020 อาจส่งสัญญาณเตือนปัญหาทางการเงิน และอาจกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มทุนเพื่อรักษาเกณฑ์เงินทุนจำเป็น ซึ่งเราประเมินว่าสินเชื่อที่เข้าร่วมพักชำระหนี้มูลค่ารวม Bt3.5tn จากหกธนาคารใหญ่ จำเป็นที่จะต้องกลับมาจ่ายคืนเงินกู้ได้หลังจากช่วงเวลาผ่อนคลายจบลงไปเป็นมูลค่า Bt2.48tn หรือเทียบเท่าการกลับมาราว 70% ของมูลค่าทั้งหมด

 

คงคำแนะนำระมัดระวังจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน

เราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว; อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างค่อนข้างช้า หลังเห็นเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอ และนักท่องเที่ยวยังไม่น่าจะสามารถกลับมาเที่ยวในประเทศไทยในระดับที่มีนัยยะทางเศรษฐกิจจนกว่าจะครึ่งหลังของปี 2021 รวมถึงยังไม่แน่ชัดว่าลูกหนี้ที่พักชำระหนี้เหล่านี้จะสามารถกลับมาคืนเงินกู้ได้มากเพียงใดหลังหมดจากช่วงเวลามาตรการ ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะทางการเงินของกลุ่มธนาคาร และอาจมีความเสี่ยงให้ธนาคารต้องทำให้การเพิ่มทุน เราจึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังสำหรับกลุ่มนี้