บ.ไฮเทคจีนหันซบบ้านเกิดหนีความไม่เป็นมิตรต่างแดน

บ.ไฮเทคจีนหันซบบ้านเกิดหนีความไม่เป็นมิตรต่างแดน

นักวิเคราะห์มีความเห็นว่าการดำเนินนโยบายจับผิดบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนทั้งในสหรัฐและในประเทศอื่นๆกำลังทำให้เกิดบรรยากาศไม่เป็นมิตรต่อบริษัทจีนในแวดวงธุรกิจโลก และทำให้บริษัทจีนเริ่มหวนกลับไปลงทุนในประเทศบ้านเกิดมากขึ้น

บริษัทเทคโนโลยีจากจีนทุกแห่งไล่ตั้งแต่บริษัทให้บริการแอพพลิเคชันแชร์วิดีโอ ให้บริการเกมบนมือถือจนถึงบริษัทให้บริการสมาร์ทโฟนและบริษัททำธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีความซับซ้อนล้วนประสบความสำเร็จในตลาดโลก แต่ในสหรัฐ ออสเตรเลีย อังกฤษ และอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่กลับถูกโจมตีเพราะกระแสวิตกกังวลเรื่องการโจรกรรมข้อมูล และปัญหาขัดแย้งทางการทูตที่เป็นอุปสรรค ขัดขวางความพยายามขยายตลาดให้ครอบคลุมทั่วโลกของบริษัทจีน

“เทคโนโลยีกลายเป็นประเด็นด้านภูมิศาสตร์ทางการเมืองของประเทศต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บรรดาบริษัทจีนก็มีขนาดขนาดใหญ่ในประเทศบ้านเกิด หากไม่สามารถขยายธุรกิจให้ครอบคลุมตลาดโลกได้ อย่างน้อยก็มีผู้ใช้งานประมาณ 900 ล้านคนให้เป็นลูกค้าซึ่งมากกว่าตลาดสหรัฐและตลาดยุโรปรวมกัน ”เด็กซ์เตอร์ ธิลเลียน นักวิเคราะห์จากฟิทช์ โซลูชันส์ ให้ความเห็น

ขณะที่อินเทอร์เน็ตจีนถูกควบคุมอย่างเข้มงวดด้วย“เกรท ไฟร์วอลล์”ระบบนิเวศก็เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆเปิดตัวแอพฯที่เน้นความเป็นจีน เพื่อขยายฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในตลาดนี้ได้ อย่างกรณี ติ๊กต็อก หนึ่งในแอพฯของจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกแต่ดาวโหลดแอพนี้ในจีนไม่ได้ ซึ่งไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อก ก็ใช้วิธีตั้งชื่อแอพฯนี้ว่า “โต่วอิน”

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่าในแต่ละวันแอพฯนี้ มีผู้ใช้งานจริงในเดือนส.ค.มากกว่า600 ล้านคนและทำรายได้ช่วง 12เดือนให้บริษัทคิดเป็นมูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ โดยประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ของไบต์แดนซ์ ตั้งเป้าทำรายได้เพิ่มสองเท่าในปีหน้า

เทคโนโลยีที่ถูกผูกรวมเข้ากับความรักชาติ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ อ้างว่าแอพฯอย่างติ๊กต็อกอาจจะถูกใช้โดยรัฐบาลจีนเพื่อแกะรอยผู้ใช้งานและทำการจารกรรมข้อมูลจนทำให้เขาต้องกดดันให้มีการขายหน่วยงานในสหรัฐของติ๊กต็อก

"ประเทศต่างๆมองว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของประเทศและเราเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า"ปรากฏการณ์เทคโน-ลัทธิชาตินิยม"อเล็กซ์ คาปริ นักวิจัยจากมูลนิธิไฮน์ริช องค์กรอิสระที่มอนิเตอร์การพัฒนาทางการค้าทั่วโลก ให้ความเห็น

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ พุ่งเป้าโจมตีไปที่หัวเว่ย ด้วยการประกาศคว่ำบาตร พร้อมทั้งล็อบบี้ให้ประเทศพันธมิตรของสหรัฐทั้งหมดปฏิเสธที่จะใช้เทคโนโลยี5จีของหัวเว่ย โดยกล่าวหาว่าบริษัทจีนอาจจะเป็นสปายของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งการกระทำของสหรัฐส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จีนรายนี้ หนึ่งในนั้นคือการถูกระงับโครงการติดตั้งเทคโนโลยี5จีในตลาดขนาดใหญ่อย่างสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างอินเดียกับจีน ก็ทำให้รัฐบาลนิวเดลี ประกาศแบนติ๊กต็อกและแอพฯจีนอื่นๆในประเทศ ซึ่งตลาดอินเดียถือเป็นตลาดใหญ่มีผู้ใช้งานที่มีกำลังซื้อหลายร้อยล้านคน แต่ถึงแม้ผู้ผลิตแอพฯจีนและบริษัทเทคโนโลยีจีนจะถูกสหรัฐและชาติพันธมิตรกีดกันมากแค่ไหน บริษัทเหล่านี้ก็ยังคงเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลกอยู่ดี