STAออเดอร์แน่น รับดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง

STAออเดอร์แน่น  รับดีมานด์ถุงมือยางพุ่ง

“ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี” มั่นใจผลประกอบการปี 63 สูงกว่าปีก่อนอย่างมาก  เหตุความต้องการถุงมือยางยังสูงต่อเนื่อง-อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มฟื้น “ศรีตรังโกลฟส์” คาดรายได้-กำไรปีนี้นิวไฮ หลังออเดอร์ทะลักยาวถึงปี 65 เล็.เพิ่มกำลัผลิตปี 69 เพิ่มแตะ7 หมื่นชิ้

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่ารายได้ปี 2563 จะเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 61,303 ล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงส์หลักๆ จากธุรกิจถุงมือยางของบริษัทลูกอย่างบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ที่มีปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและราคาขายถุงมือยางมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาส ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ในส่วนของแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีทิศทางที่สดใสต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการยางธรรมชาติที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งกลุ่มลูกค้าที่นำยางไปผลิตยางล้อยานยนต์และกลุ่มธุรกิจถุงมือยางที่ยังมีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของโรงงานยางล้อที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาเป็นระดับเกือบปกติในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมราคาขายถุงมือยางช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นมา 70% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 12% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563

“กรณีที่ราคายาง SICOM ตลาดสิงคโปร์ ที่ปรับสูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อราคาขายและมาร์จินในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้  และคาดว่ายางธรรมชาติปีนี้จะยังมีโอเวอร์ซัพพลายอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน จากผลกระทบของผู้ผลิตล้อยางหยุดกิจการในช่วง 2-3 เดือนจากโควิด-19 ระบาด”

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวว่า มั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิของบริษัทปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) เนื่องจากออเดอร์ถุงมือยางมีเข้ามาต่อเนื่อง โดยในส่วนของถุงมือยางธรรมชาติตอนนี้มีลูกค้าสั่งจองและรอส่งมอบยาวถึงช่วงปลายปี 2564 แล้ว และถุงมือยางไนไตรล์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์มีออเดอร์ที่ต้องส่งมอบถึงต้นปี 2565

ขณะที่ภาพรวมกำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ที่ 32,619 ล้านชิ้นต่อปี ซึ่งบริษัทใช้กำลังการผลิต (Utilization) แล้ว 95% ซึ่งคาดว่าภายในปี 2564 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10% หรืออยู่ที่ 35,716 ล้านชิ้นต่อปี และปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 30% อยู่ที่ 45,526 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2569 จะมีกำลังการผลิตแตะระดับ 70,191 ล้านชิ้นต่อปี จากการขยายกำลังการผลิตที่โรงงานจังหวัดตรัง,สุราษฎร์ธานี และที่หาดใหญ่จังหวัดสงขลา ซึ่งจะใช้งบลงทุนขยายกำลังการผลิตรวมประมาณ 24,000 ล้านบาท

“ภาพรวมการใช้ถุงมือยางทั่วโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15-20% มากกว่าก่อนเกิดโรคระบาดที่ 8-12% ต่อปี ซึ่งมองว่าความต้องการใช้นอกจากกลุ่มลูกค้าการแพทย์จะมีมากขึ้นหลังจากยุค New Normal ”