ม็อบ 19 ก.ย. ล็อกเป้า 'แกนนำ' จับตาการเมืองผสมโรง ตรึงกำลัง 12 กองร้อยรับมือ

ม็อบ 19 ก.ย. ล็อกเป้า 'แกนนำ' จับตาการเมืองผสมโรง ตรึงกำลัง 12 กองร้อยรับมือ

“ฝ่ายความมั่นคง” ประเมินม็อบ 19 ก.ย. พรรคการเมือง-เสื้อแดงผสมโรง ยันล็อกเป้าเฉพาะแกนนำ-เน้นพูดคุย ขณะที่ ตร. ตรึงกำลัง 12 กองร้อยรับมือ ปรามยึดสนามหลวง-บุกทำเนียบเสี่ยงผิดกฎหมาย

ความเคลื่อนไหวก่อนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มนักศึกษา ในวันที่ 19 ก.ย. ล่าสุดมีการประเมินจากแหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงว่า การชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. นั้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีมวลชนเดินทางมาร่วมชุมนุมประมาณ 50,000 คน ประะเมินจากครั้งแรกที่มีการจัดชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต มีคนมาเข้าร่วมประมาณ 10,000 คน ส่วนครั้งที่สองที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีคนมาร่วมชุมนุมประมาณ 30,000-40,000 คน แต่ครั้งนี้จะมีกลุ่มมวลชนของพรรคการเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดหลายจังหวัด อาทิ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี รวมถึงมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานบางส่วนเดินทางเข้ามาร่วมสมทบใน กทม.ด้วย

ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเด็กๆเยาวชนนักเรียนนักศึกษา แต่เป็นคนมีอายุจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีการปะทะกันรุนแรง เพราะทางเจ้าหน้าที่จะเน้นเจรจาพูดคุย และจะล็อคเป้าไว้ที่แกนนำเท่านั้น โดยคาดว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อและน่าจะเป็นไปตามที่แกนนำวางแผนไว้

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมโดยยืนยันว่า รัฐบาลมีแนวทางการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า รวมถึงในส่วนฝ่ายความมั่นคงทัั้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ก็จะหลีกเลี่ยง รัฐบาลยืนยันในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก ส่วนเรื่องเอกสารปลอมที่ระบุว่ากองทัพเตรียมการปราบผู้ชุมนุมนั้นนายกฯระบุว่าก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอมผู้เกี่ยวข้องก็ชี้แจงแล้ว ดังนั้นขอให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันตรวจสอบก่อนแชร์ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาในเรื่องการดำเนินคดีต่อไป

“ยืนยันผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดดูแลเด็กลูกหลานของท่านแล้วท่านก็ต้องดูแลตัวเองไปด้วยมาตรการใดที่เป็นการตรวจสอบในเรื่องอาวุธในเรื่องการระบาดต่างๆก็ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการดูแลเขาเพราะลูกหลายของท่านก็เหมือนลูกหลานของเราเหมือนกัน”นายกฯกล่าว

อย่างไรก็ดีเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมมีหลายอย่างแพร่อยู่ตามสื่อโซเชียลทุกคนต้องเช็กก่อนส่งต่อหรือขยายความบางทีมีคนไม่หวังดีไปใช้ตรงนั้นในการปลุกระดมปลุกปั่นผมถามว่าบ้านเมืองไม่สงบแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

ส่วกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งระบบเลือกตั้งวิธีการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของกระบวนการในสภาผมเองไม่ได้มีข้อขัดข้องแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการใช้จ่ายงบประมาณในการทำประชามตินั้นมันก็มีเหตุผลสำคัญคือต้องใช้ถ้าจำเป็นจะต้องทำประชามติก็ต้องทำต้องหางบประมาณมาดำเนินการ

“ประวิตร” มั่นใจเจ้าหน้าที่รับมือได้

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมในวันที่19ก.ย.ทุกอย่างทำตามกฏหมายเพราะมีกรอบของกฎหมายอยู่หากจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตทางเจ้าหน้าที่ส่วนแผนการดูแลที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นเราดูแลเรียบร้อย ส่วนการกำหนดระยะห้ามผู้ชุมนุมเข้าใกล้ทำเนียบรัฐบาลเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้หากมีการยกระดับหรือระดมมมวลชนไปมายังทำเนียบรัฐบาลจะเน้นการเจรจาทำความเข้าใจหรือไม่นั้นทุกอย่างต้องทำตามกฏหมายและไม่ให้เกิดการปะทะกัน

ส่วนข้อมูลทางการข่าวที่แจ้งถึงจำนวนผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดที่จะมาสมตนรู้แล้วและดูอยู่ทราบว่าจะมีจังหวัดไหนมาได้เชื่อว่ารับมือได้ ส่วนการสกัดกั้นตรวจเข้มเรื่องอาวุธเจ้าหน้าที่ก็ทราบอยู่แล้วและก็ทำตามหน้าที

ตร.ตรึงกำลัง12กองร้อยดูแลความสงบ

ขณะที่พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ตำรวจพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้อย่างเต็มที่ โดยจะมีการปรับกำลังตามสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งยังไม่ได้ประเมินตัวเลขที่แน่ชัด พร้อมขอความร่วมมือให้กลุ่มผู้ชุมนุม ดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย ชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และชุมนุมโดยสุจริตตามหน้าที่พลเมือง แต่หากมีการสร้างเงื่อนไขขึ้นมา และกระทำความผิดกฎหมาย ตำรวจก็จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย

ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนออกมาบริเวณสนามหลวงนั้นพื้นที่ดังกล่าวได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ปี 2555 หากเข้ามาใช้พื้นที่ อาจจะถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายได้ รวมถึง การเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาล หากมีการบุกรุกสถานที่ ก็ผิดกฎหมายเช่นกัน ยืนยันว่า รัฐบาลและตำรวจไม่คุกคามประชาชนที่ไม่กระทำผิดกฎหมาย แต่หากกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดเตรียมกำลังควบคุมฝูงชนไว้เบื้องต้น แบ่งออกเป็นการดูแลพื้นที่ภายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 3 กองร้อย บริเวณรอบสนามหลวง 6 กองร้อย และเคลื่อนขบวนเดินมาบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อไปยังทำเนียบรัฐบาล 3 กองร้อย เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยที่มาชุมนุมในวันที่ 19 - 20 ก.ย.นี้

2กลุ่มหนุน-ค้านใช้มธ.จัดชุมนุม

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่า พร้อมศิษฐ์เก่าจำนวนหนึ่งในนามกลุ่ม “ปิด..มธ.พอกันที..วีรชน”เพื่อให้กำลังใจอธิการบดี มธ.และนำรายชื่อศิษย์เก่า มธ.ที่ร่วมลงชื่อคัดค้านไม่ให้ใช้“ธรรมศาสตร์”​ เป็นสถานที่ชุมนุม​ 19​ ก.ย.นี้ ยื่นต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย

เนื้อหา6 ข้อ 1.คำขอนี้เป็นของศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ กลุ่มหนึ่ง เท่าที่รวบรวมรายชื่อได้ทางไลน์เป็นเวลา 3 วัน จำนวน 2,924 คน 2.คำขอนี้มีกรอบอยู่ที่สนับสนุนการออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ชุมนุมของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนอธิการบดีจะปิดมหาวิทยาลัยอย่างไรเป็นข้อที่เราไม่ขอคำก้าวล่วง

3. กิจกรรมการรวมตัวนี้ยุติลงเมื่อยื่นบันทึกแล้ว ส่วนไลน์ "ปิด มธ..พอกันทีวีรชน'นั้น จะปิดตามมาในวันที่ 20 ก.ย. 4. ขอชี้แจงย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ได้ปฏิเสธซึ่งเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้ หรือของผู้ใด แต่เราเห็นว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของเขาในครั้งนี้ เป็นการใช้สิทธิที่ยอมรับไม่ได้ จนธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย 5. การใช้ชื่อของคนในธรรมศาสตร์ และใช้สถานที่ธรรมศาสตร์เพื่อความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงสูงสุด แต่หาคนรับผิดขอบแท้จริไม่ได้เช่นนี้ ผิดมาตรฐานประชาธิปไตยและ 6.เฉพาะในส่วน นายแก้วสรร ขอใช้สิทธิส่วนตัวปฏิเสธการให้ร้ายบิดเบือนจากรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ที่เคยเคารพว่า ในทางความคิดแล้วขอยืนยันว่า ตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และไม่เคยใช้เวที กปปส. กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ

อีกด้านนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พร้อมนักเขียน ศิลปิน บรรณาธิการ ยื่นหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้พิจารณาทบทวน เปิดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยให้นักเรียน นักศึกษา ที่มาร่วมชุมนุมได้ทำกิจกรรม

พท.รับม็อบกดดัน-มั่นใจแแก้รธน.ฉลุย

ส่วนความเคลื่อนไหวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ยืนยันว่า การลงลายมือชื่อของส.ส. ต่อญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ของพรรคฝ่ายค้านนั้น ไม่มีปัญหา ย้ำว่าการลงลายมือชื่อดังกล่าาวไม่มีปลอมลายเซ็นต์ ทั้งนี้การดำเนินการเข้าชื่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และต้องใช้ความระมัดระวัง

นายสุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบและบรรจุญัตติในระเบียบวาระประชุมนั้นเชื่อว่าาจะทำได้ทันสมัยประชุมสภาฯ ส่วนระหว่างการพิจารณาในช่วงวันที่ 23 - 25 ก.ย.นั้นอาจมีการชุมนุมเพื่อแสดงพลังของประชาชน ส่วนจะเป็นกระแสกดดันการพิจารณาของส.ว.หรือไม่นั้นตนคาดเดาไม่ได้ แต่การแสดงออกดังกล่าว ไม่ควรทิ้งโอกาสที่จะฟัง เช่นเดียวกับการชุมนุมกลุ่มนักศึกษา วันที่ 19 ก.ย. พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านได้ติดตามสถานการณ์ฐานะประชาชนทั่วไป ทั้งนี้เท่าที่ติดตามผู้ชุมนุมตื่นตัวและระมัดระวังตัวไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใด ทั้งนี้คณะทำงานติดตามการชุมนุมของพรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ดูสถานการณ์ชุมนุมด้วย แต่การลงพื้นที่ไม่ใช่เข้าไปบริหารสถานการณ์

วันเดียวกันนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคแถลงจุดยืนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า พรรคไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยมีมติให้ ส.ส.ของพรรค ไม่ร่วมลงชื่อในญัตติเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับทั้งของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงการลงมติไม่เห็นชอบในวาระที่ 1 รับหลักการทุกญัตติ

ปล่อยตัว“หมอเหวง-วีระกานต์”

วันเดียวกันที่รพ.ราชทัณฑ์มีการปล่อยตัวผู้ต้องหาประกอบด้วย นพ.เหวง โตจิราการ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ผู้ต้องหาในคดีบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ เมื่อปี 2550 โดยศาลฎีกา สั่งจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ รวมทั้งเข้าเงื่อนไข เป็นผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว โดยนพ.เหวง ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับการปล่อยตัวว่า ขอบคุณประชาชนที่เมตตาต่อผมและได้มารับผมกลับบ้าน วันนี้ดีใจปลื้มปิติยินดีมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก ที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระจากเรือนจำ พร้อมๆ กับนักโทษจำนวนมากแต่ทั้งนี้ ส่วนตัวยังยืนยันในจุดยืนเดิม ในการเคลื่อนไหว ต่อต้านเผด็จการ สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจากนพ.เหวง นายวีระกานต์ แล้วยังมีกลุ่มนักโทษคดีการเมืองและอดีตรัฐมนตรีที่ได้รับการปล่อยตัวอาทิ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายวรชัย เหมะ และนายพายัพ ปั้นเกษ แกนนำนปช. รวมถึงร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีตรมช.ศึกษาธิการถูกศาลฎีกาพิพากษา2 ปี คดี ฉ้อโกงเงินค่าสั่งซื้อปูนซีเมนต์บริษัทสัญชาติกัมพูชากว่า 11 ล้านบาท ซึ่งจะะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 30 ก.ย.นี้