CRCลุยขยายฐานธุรกิจ ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน เทคโอเวอร์ COL ต่อยอดออนไลนน์

CRCลุยขยายฐานธุรกิจ  ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน เทคโอเวอร์ COL ต่อยอดออนไลนน์

CRC ทุ่มงบ 1.21 หมื่นล้าน เทคโอเวอร์ COL เจ้าของ “ออฟฟิศเมท-บีทูเอส” หวังต่อยอดธุรกิจ ด้าน โบรกเกอร์ ประเมิน หนุนรายได้เพิ่มราว 1 หมื่นล้าน ต่อปี

พร้อมเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าธุรกิจมากขึ้น ชี้ระยะยาวช่วยเพิ่มความหลากหลายให้ธุรกิจ ทั้งต่อยอดธุรกิจออฟไลน์ไปสู่ออนไลน์ ขณะ ราคาหุ้นกอดคอวิ่ง “ซีอาร์ซี” ปิดบวก 6.6% ด้าน “ซีโอแอล” เกือบชนซิลลิ่ง

บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC ประกาศซื้อกิจการของ บมจ.ซีโอแอล หรือ COL โดยใช้เงินลงทุนราว 1.21 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะดำเนินการเพิกถอน COL จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป สำหรับธุรกิจหลักของ COL คือ จำหน่ายเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานภายใต้ชื่อ ออฟฟิศเมท และจำหน่ายหนังสือ นิตยสาร สื่อบันเทิง และสินค้าไลฟ์สไตล์ภายใต้ชื่อ บีทูเอส

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การเข้าซื้อกิจการ COL ในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในแผนที่บริษัทเคยเปิดเผยไว้ก่อนแล้วว่าจะเติบโตด้วยการซื้อกิจการ ทั้งนี้ การตัดสินใจเข้าซื้อ COL น่าจะเชื่อมต่อธุรกิจได้ง่าย เนื่องจากเป็นหนึ่งเครือธุรกิจของเซ็นทรัลอยู่แล้ว โดยหลังการเข้าถือหุ้น 100% บริษัทจะรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มเติมประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีโดยเฉลี่ย และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าธุรกิจมากขึ้น (B2B)

หากมองภาพในระยะยาว การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเข้ามาเสริมให้ธุรกิจของ CRC หลากหลายมากขึ้น และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา รวมถึงโควิด-19 คลี่คลายลงไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ก็น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อบริษัท

“ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของ CRC แล้ว หลังจากนี้คาดว่าแต่ละธุรกิจของบริษัทน่าจะฟื้นตัวได้ หลังจากการกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า และขายสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเช่นกัน แต่อาจจะต้องรอให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาด้วย”

ด้าน นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ด้วยระดับเงินลงทุนประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หากพิจารณากำไร COL ปี 2562 ซึ่งทำได้ 760 ล้านบาท จะคิดเป็น P/E ประมาณ 15-20 เท่า ยังค่อนข้างต่ำกว่า CRC โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยให้ CRC มีฐานลูกค้าองค์กรเพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้าของ COL

“ส่วนเงินลงทุนที่จะใช้ซื้อกิจการบริษัทยังไม่ได้เปิดเผย ด้วยดีลที่กว่าจะแล้วเสร็จน่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 แต่ด้วยเงินสดในมือ ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาท และหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 0.80 เท่า ทำให้เรื่องสภาพคล่องของบริษัทไม่ได้น่ากังวลแต่อย่างใด”

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ CRC ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาน่าจะแย่สุดแล้ว แม้ว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะยังไม่กลับมาเป็นบวก แต่ในบางธุรกิจ เช่น ไทวัสดุ รวมถึงห้างสรรพสินค้าในเวียดนาม สามารถเติบโตได้ค่อนข้างดี เชื่อว่าภาพรวมของธุรกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 นี้ และผลประกอบการครึ่งปีหลังน่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ หลังจากครึ่งปีแรกที่ขาดทุนราว 1.8 พันล้านบาท

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าว โดยคาดว่าจะเกิด Synergy ระหว่างธุรกิจออฟไลน์ของ CRC กับออนไลน์ของ COL โดยช่วงปี 2561 – 2562 ที่ผ่านมา COL มีกำไรสุทธิ 733 ล้านบาท และ 762 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กำไรสุทธิลดลงเหลือ 134 ล้านบาท ลดลง 66% จากปีก่อน จากผลกระทบของโควิด-19 โดยเราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 หลังจากที่โควิด-19 คลี่คลาย

ทั้งนี้ เราประเมินว่าหากการซื้อกิจการสำเร็จ จะช่วยเพิ่มรายได้ของ CRC ที่ 5% และเพิ่มกำไรสุทธิ 10% อิงจากรายได้ COL ที่ 1 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 700 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นของ CRC และ COL ล่าสุด ต่างตอบรับเชิงบวกกับดีลในครั้งนี้ โดยราคาหุ้น CRC ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 6.60% ส่วน COL ปิดที่ 18.70 บาท เพิ่มขึ้น 14.02% ขณะที่ IAA consensus ประเมินราคาเหมาะสมของ CRC ไว้ที่เฉลี่ย 35.42 บาท