บ้านปูผนึกปตท.ลุยธุรกิจก๊าซ หวังต่อยอดขยาย“แวลูเชน”

บ้านปูผนึกปตท.ลุยธุรกิจก๊าซ  หวังต่อยอดขยาย“แวลูเชน”

“บ้านปู” หวังจับมือ “ปตท.” ช่วยต่อยอดขยาย Value Chain ธุรกิจก๊าซฯ คาดสรุปแผนชัดเจนสิ้นปีนี้ พร้อมเดินหน้าแผนลดต้นทุนผลิตถ่านหินในปีนี้และปีหน้า รับมือราคาทรงตัวระดับต่ำ 60 ดอลลาร์ต่อตัน ยันฐานะการเงินแกร่ง

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บ้านปู กับ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เพื่อศึกษาโอกาสทางการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) นั้น จะเป็นการเพิ่มโอกาสต่อยอดจากธุรกิจก๊าซฯให้กับทั้ง 2 บริษัท เพราะจะใช้ศักยภาพจากจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท มาสร้างโอกาสการเติบโต โดยปตท.มีจุดแข็งเป็นผู้เชี่ยวชาญธุรกิจก๊าซฯที่มีสาย Value Chain ยาวมาก ขณะที่บริษัทบ้านปู มีธุรกิจเดียว คือก๊าซฯต้นน้ำ

ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะขยายสู่ธุรกิจอื่นใน Value Chain ทั้งในส่วนของธุรกิจขั้นกลาง ที่เป็นเรื่องการขายก๊าซฯผ่านเข้าท่อ หรือส่งออก รวมถึง การทำเทรดเดอร์ ตลอดจนการขนส่ง แต่ในส่วนของธุรกิจขั้นปลาย บริษัทคงจะไม่เข้าไปดำเนินการเรื่องของสายธุรกิจปิโตรเคมี และการลงทุนขนาดใหญ่อื่นๆ ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นลักษณะของร่วมทุนก็ได้ แต่อาจใช้ ecosystem ร่วมกันก็ได้

“เรากำลังศึกษาร่วมกันอยู่ ยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็นอะไร แต่มีความร่วมมือที่ทำงานไปด้วยกันได้ ใน Value Chain ของก๊าซฯ อยากสรุปให้ได้ภายในปีนี้ "

160016991028

ส่วนการต่อยอดจากธุรกิจก๊าซฯในสหรัฐ ไปสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้านั้น บ้านปู ไม่ได้หารือร่วมกับกลุ่ม ปตท. เพราะในธุรกิจนี้ บ้านปู มีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจไฟฟ้าอยู่แล้ว คือ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ BPP ขณะเดียวกัน บ้านปู เพาเวอร์ ก็มองหาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซฯในสหรัฐ ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการในโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้รับซื้อก๊าซฯจากแหล่งของบริษัท แต่หากสามารถเปลี่ยนการถือหุ้นมาเป็นกลุ่มบริษัท ก็จะผลักดันให้รับก๊าซฯจากแหล่งของบริษัทเป็นการทดแทนได้

นางสมฤดี กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจถ่านหินที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท คาดว่า ราคาจะยังอยู่ในระดับต่ำจากผลกระทบโควิด-19 โดยปัจจุบัน ราคาลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 60 ดอลลาร์ต่อตัน และน่าจะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปในระยะยาว ดังนั้น ในปีนี้ บริษัทจะพยายามรักษาระดับการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตของบริษัทไว้ที่ 42 ล้านตันต่อปี ซึ่งมาจากเหมืองออสเตรเลีย 13 ล้านตัน อินโดนีเซีย 22 ล้านตัน และจีน 7 ล้านตัน แต่หากราคาถ่านหินปรับขึ้นเกิน 75 ดอลลาร์ต่อตัน บริษัทก็พร้อมจะเพิ่มเป้าหมายการขายกลับไปสู่ระดับ 45 ล้านตันต่อปีตามเดิม

อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้บริษัทมุ่งเน้นที่จะลดต้นทุนการผลิตถ่านหิน โดยปีนี้ปรับลดลงประมาณ 20% และจะลดลงต่อเนื่องในปีหน้า รวมถึงจะเพิ่มการทำเทรดดิ้งธุรกิจถ่านหินให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังเติบโต

160016993460

นอกจากนี้ แผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากเดิมที่ตั้งงบลงทุนไว้ 930 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากสามารถเจรจาต่อรองราคาการเข้าซื้อแหล่งก๊าซฯบาร์เนตต์(Barnett) ในสหรัฐ เหลือประมาณ 570 ล้านดอลลาร์ และยังได้ปรับแผนไม่ซื้อโครงการโรงไฟฟ้าที่ยังไม่ได้จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ทั้งในออสเตรเลียและเวียดนาม หลังจากได้เข้าไปศึกษาก่อนหน้านี้

โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทใช้เงินลงทุนไปแล้วบางส่วน และคงเหลือที่จะใช้อีก 400 ล้านดอลลาร์สำหรับการจ่ายเงินก้อนสุดท้ายเพื่อปิดดีลซื้อแหล่งก๊าซฯบาร์เนตต์ และอีก 66 ล้านดอลลาร์ สำหรับการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลม เอลวิน หมุย ยิน ในเวียดนาม ซึ่งจะทำให้รับรู้ผลการดำเนินงานของทั้ง 2 กิจการภายในไตรมาส 4ปีนี้

สำหรับกระแสเงินสดของบริษัท อยู่ในระดับที่แข็งแรง มีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในระดับที่ดี โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีเงินเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ 800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มีภาระหนี้สุทธิภายหลังการเข้าซื้อแหล่งบาร์เนตต์ แม้จะเพิ่มเป็นราว 3,900 ล้านดอลลาร์ แต่อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ยังอยู่ระดับไม่เกินเป้าหมาย โดยอยู่ที่ 1.34 เท่า และมีเป้าหมายจะลด D/E เหลือ 1.1 เท่า

160016999431