หุ้นไทยตอนนี้ ‘รอซื้อ’ หรือ ‘ซื้อแล้วรอ’?

หุ้นไทยตอนนี้ ‘รอซื้อ’ หรือ ‘ซื้อแล้วรอ’?

เปิดบทวิเคราะห์ "ตลาดหุ้น" และสินทรัพย์ต่างๆ ของไทยและต่างประเทศ จะปรับตัวลงไปอีกหรือไม่ ภาคใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลาย และสำหรับนักลงทุนท่ามกลางสภาวะลักษณะนี้ รอดูสถานการณ์แล้วค่อยซื้อ หรือควรซื้อเก็บไว้แล้วรอสถานการณ์ดีขึ้น?

เราได้เห็นผลกระทบหลายด้านจากวิกฤติที่เกิดขึ้นในปี 2563 นี้ หลายปัจจัยคลี่คลายดีขึ้น แต่ยังไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าในระยะต่อไปจะดีขึ้นหรือแย่ลงอีกหรือไม่โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจซึ่งทั่วโลก ใช้ทุกมาตรการเกือบทุกอย่างเพื่อให้เศรษฐกิจรับมือกับวิกฤติที่ยังไม่คลี่คลาย

ไม่ได้เหนือความคาดหมายสำหรับตัวเลขเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2 ที่ปรับตัวลงหนัก ติดลบ 12.2% เป็นตัวเลขที่ไม่เกิดขึ้นนานมากในรอบหลายปี และทั้งปีนี้สภาพัฒน์คาดว่าจะติดลบที่ 7.5% ช่วงระยะเวลาที่ของปีเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือไม่ยังพอมีเวลา แต่ด้วยปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ก็พอจะประเมินได้ว่า เศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นกลับมาจริงจังได้ในภายในปีนี้แน่นอน

นั้นหมายความว่าในด้านการลงทุน คงจะมีคนถามว่าตลาดหุ้นและสินทรัพย์ต่างๆ ของไทยและต่างประเทศจะปรับตัวลงไปอีกหรือไม่ ภาคใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลาย ผมมองว่ายังมีโอกาสอยู่ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ด้วยข้อมูลและมุมมองดังนี้ครับ

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์เศรษฐกิจแล้วต้องบอกว่าเริ่มเดินหน้าขับเคลื่อนได้ แม้จะยังไม่ 100% แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรก แต่ยังบอกไม่ได้ว่าสถานการณ์ผ่านจุดต่ำไปหรือยัง โดยเฉพาะการระบาดระลอกที่ 2 แม้ในไทยจะไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนประเทศอื่นๆ แต่ยังเรื่องใหญ่ที่จะผลต่อบรรยากาศลงทุนอย่างรวดเร็วและแรงมากหากเกิดขึ้น

ขณะที่ตัวเลขผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2 สรุปมาออก อยู่ที่ 1.18 แสนล้านบาท ลดลงไปถึง 45.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ถึง 7% แน่นอนว่าเป็นผลจาก COVID-19 ที่รุนแรง และคาดว่าในไตรมาสที่ 3 มีแนวโน้มที่ผลกำไรจะทรงตัว หรืออาจดีขึ้นเล็กน้อย เพราะเฉพาะกลุ่มธนาคาร และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังคงไม่ฟื้นกลับมา

ทั้งตัวเลขกำไรบริษัททะเบียนและตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 2 ที่แม้จะดูแย่ลงมากในช่วงครึ่งปีแรก แต่ถามว่าไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้จะดีขึ้น หรือทรงตัว หรือแย่ลง ..? และจะมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยอย่างไรบ้าง ..??

KTBST SEC ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีนี้ไว้ ในแบบพื้นฐาน (Base case) ว่ากำไรของตลาดปีนี้จะอยู่ที่ 6.04 แสนล้านบาท ลดลงประมาณ 33% YoY จากภาวะเศรษฐกิจและการค้าของโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อธุรกิจการเงินและน้ำมัน เราประมาณในกรณีนี้ว่า SET Index จะอยู่ที่ระดับ 1,041-1,125 จุด 

กรณีที่สถานการณ์ดีกว่าที่คาด  (Best case) มองว่ากำไรของตลาดปีนี้จะอยู่ที่ 8.06 แสนล้านบาท ลดลงประมาณ 10% YoY SET Index น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,389-1,501 จุด  แต่หากเกิดสถานการณ์ COVID-19 กระทบเศรษฐกิจหนักกว่าที่คาดไว้ (Worst case) คาดว่ากำไรจะลดลงมาอยู่ที่ 5.82 แสนล้านบาท ลดลง 35% YoY และทำให้ SET Index น่าจะลงมาอยู่ที่ระดับ 1,004-1,084 จุด 

160001105511

ด้วยการประเมินภาพรวมเช่นนี้ แนะนำการลงทุนอย่างไรดี ..?

ผมมองว่า ด้วยภาพของสถานการณ์ต่างๆ นี้ การลงทุนในระยะ 1-3 ปี อาจเป็นจังหวะที่น่าลงทุนได้นะครับ ทาง KTBTS SEC คาดการณ์ในเบื้องต้นว่าในปี 2564 SET Index จะอยู่ที่ประมาณ 1,363 จุด และในปี 2565 จะไปถึงระดับ 1,537 ได้ จากการได้วัคซีนป้องกันโรค และการค้าระหว่างประเทศ มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ รวมถึงการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะกลับดีขึ้นในช่วง 1-3 ปี แม้ว่าอาจจะมีความผันผวนสลับเข้ามาอยู่บ้าง แต่ในช่วงนี้ผมมองว่าเป็นจังหวะที่เข้าลงทุนได้

แต่อย่างที่เคยแนะนำไว้เสมอ นั่นคือ ต้องจัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายนะครับ ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายตลาดยังน่าสนใจ เช่น ยุโรป จีน ที่นักลงทุนควรกระจายไปลงทุน รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและตราสารนี้ที่อันดับความน่าเชื่อถือ ทาง KTBST SEC มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การลงทุนในสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐ, จีน และ กองทุนที่ลงทุนทองคำ จาก บลจ.วี ที่สร้างผลตอบแทนได้โดดเด่น ซึ่งนักลงทุนสามารถขอคำปรึกษาการลงทุนได้ผ่านทาง KTBST SEC และ บลจ.วี

ติดตามข่าวสารบทวิเคราะห์การลงทุนจาก KTBST SEC ได้ที่ “มุมมองความรู้” ทางเว็บไซต์ www.ktbst.co.th หรือ ทางwww.facebook.com/ktbst.th และสามารถขอคำปรึกษาการลงทุนได้ที่ KTBST SEC 02-648-1111