กพท.เปิด2สมมติฐาน ลุ้นอุตฯการบินฟื้นปี 2566

จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางอากาศทั่วโลก โดยการขนส่งทางอากาศของไทยเริ่มได้รับผลกระทบตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าตลอดทั้งปี 2563 นี้จะอยู่ในภาวการณ์เดินทางขนส่งทางอากาศที่ทรงตัว หรืออาจมีความคึกคักได้เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในฐานะหน่วยงานควบคุมการขนส่งทางอากาศของไทย เปิดเผยรายงานสถิติการขนส่งทางอากาศไตรมาส 1 – 2 ประจำปี 2563 โดยระบุว่า จำนวนผู้โดยสารในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ประเทศไทยมีการขนส่งผู้โดยสารทั้งหมด 33.86 ล้านคน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 59.5% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 15.87 ล้านคน ลดลง 64.5% และผู้โดยสารภายในประเทศ 17.99 ล้านคน ลดลง 53.8%

ขณะที่ปริมาณเที่ยวบินในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ประเทศไทยมีจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด 263,161 เที่ยวบิน ลดลงจากปีที่ผ่านมา 51.2% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 108,829 เที่ยวบิน ลดลง 57.6% ในขณะที่เที่ยวบินภายในประเทศมีจำนวน 154,332 เที่ยวบิน ลดลง 45.4% โดยในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ตั้งแต่เดือน เม.ย. – มิ.ย. 2563 มีเพียงสายการบินนกแอร์ และสายการบินไทยเวียดเจ็ทแอร์ที่ให้บริการผู้โดยสาร ไม่ได้หยุดบินแต่มีการลดจำนวนเที่ยวบินและจุดบินลง

อย่างไรก็ดี จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ประกอบกับการประกาศบังคับใช้ของ กพท.เรื่องห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยชั่วคราว ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แม้ว่าสายการบินจะเริ่มปรับตัวกลับมาทำการบินเส้นทางภายในประเทศแล้ว แต่เนื่องด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศแบบประจำยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทำได้เพียงเที่ยวบินระหว่างประเทศเฉพาะเที่ยวบินพิเศษเพื่อรับคนไทยกลับประเทศ และเที่ยวบินเปล่าที่เข้ามารับชาวต่างชาติกลับประเทศเท่านั้น

รายงานข่าวจาก กพท.เปิดเผยว่า กพท.ได้จัดทำประมาณการผู้โดยสารระหว่างปี 2563 – 2568 โดยรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานด้านการบินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อการขนส่งทางอากาศ กพท.จึงจัดทำสมมติฐานไว้ 2 กรณี ได้แก่

1.กรณี Base Case คาดว่าในปี 2563 ไทยจะมีประมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวน 16.14 ล้านคน ลดลง 81.8% จากปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นหากมีการเริ่มทำความร่วมมือเพื่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศแบบมีข้อจำกัด (Travel Bubble) กับคู่ประเทศสำคัญ และสามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 ได้สำเร็จในช่วงกลางปี 2564 ประเมินว่าจำนวนผู้โดยสารจะปรับตัวขึ้นเป็น 35.77 ล้านคน

หลังจากนั้นเมื่อการพัฒนาวัคซีนประสบผลสำเร็จ มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย กพท.คาดว่าจะก่อให้เกิดการเดินทางระหว่างประเทศตามปกติ โดยจำนวนผู้โดยสารจะทยอยปรับตัวขึ้นตามลำดับ จนจำนวนผู้โดยสารในปี 2566 จะกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงกับจำนวนผู้โดยสารช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าปริมาณผู้โดยสารในปี 2566 จะอยู่ที่ราว 83.83 ล้านคน หลังจากนั้นผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเข้าสู่การเติบโตสถานการณ์ปกติในปี 2567 – 2568 โดยมีปริมาณอยู่ที่ 112 ล้านคน และ 133 ล้านคนตามลำดับ

2.กรณี Worst Case คาดว่าในปี 2563 ไทยจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศจำนวน 16.08 ล้านคน ลดลง 81.9% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีเงื่อนไขการจำกัดการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจนถึงสิ้นปี หลังจากนั้นหากมีการเริ่มทำ Travel Bubble กับประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ และสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จในช่วงปลายปี 2564 ทำให้จำนวนผู้โดยสารจะปรับตัวขึ้นเป็น 20.83 ล้านคน โดยหากวัคซีนแพร่หลายผู้โดยสารจะทยอยปรับตัวและกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงก่อนโรควิด -19 แพร่ระบาดในช่วงปี 2567 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)

จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมการบินในปีนี้ โดยระบุว่า กพท.ประเมินว่าในช่วงไตรมาส 4 สถานการณ์การบินจะกลับมาฟื้นตัว เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว อีกทั้งหากไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด -19 ระลอกสอง จะเริ่มเห็นการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศในช่วงปลายปี ซึ่งจะทำให้ธุรกิจการบินกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดต่างประเทศที่อาจจะมีโอกาสกลับมาทำการบินในไทยเป็นกลุ่มแรก คือกลุ่มเอเชีย เส้นทางบินระยะใกล้อย่างเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน โดยเฉพาะจีนที่ขณะนี้ไม่สามารถท่องเที่ยวในต่างประเทศได้ ดังนั้นหาก

โควิด -19 คลี่คลาย และสามารถเปิดประเทศให้เดินทางได้ เชื่อว่าจีนจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพกลุ่มแรกที่กลับมาเที่ยวไทย และมีกำลังซื้อสูง