สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 7-11 กันยายน 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่ 7-11 กันยายน 2563

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวลงท่ามกลางหลากหลายปัจจัยลบ

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาททรงตัวในกรอบแคบ แม้ขยับแข็งค่าเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และทิศทางแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังไม่ผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม ประกอบกับมีปัจจัยลบจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มชะลอลงในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามสถานการณ์โควิด-19 และปัจจัยทางการเมืองในประเทศ

- ในวันศุกร์ (11 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.34 เทียบกับระดับ 31.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (3 ก.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.20-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ  โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (15-16 ก.ย) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (16-17 ก.ย.) และธนาคารกลางอังกฤษ (17 ก.ย.) ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ สถานการณ์โควิด-19 ในไทยและต่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตจากเฟดนิวยอร์ก ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค.  นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน และผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคแอลดีพีของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน  

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,279.96 จุด ลดลง 2.44% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,802.06 ล้านบาท ลดลง 8.87% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.85% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 307.15 จุด      

- หุ้นไทยร่วงลงตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ตามแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ท่ามกลางความกังวลต่อปัจจัยลบต่างๆ อาทิ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน รายงานข่าวเกี่ยวกับการระงับทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของผู้ผลิตยารายใหญ่ ความเสี่ยงเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit) รวมถึงสถานการณ์การเมืองและสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ ขณะที่ หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลงหนักในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้างและพลังงาน

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,250 และ 1,240 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (15-16 ก.ย.) ประเด็นการเมืองในประเทศ การพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มต้นสร้างบ้าน รวมถึงดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน