ระยะกลางบวก แต่ระยะสั้นคาดตลาดไร้ทิศทางและการลงทุนเน้นการเลือกรายตัวมากขึ้น

ระยะกลางบวก แต่ระยะสั้นคาดตลาดไร้ทิศทางและการลงทุนเน้นการเลือกรายตัวมากขึ้น

ไม่มีเรื่องตื่นเต้นจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) 

โดย ECB คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และไม่มีการพูดถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เนื่องจากมีการปรับมุมมองการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วง 3 ปีข้างหน้าขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดถูกถ่วงด้วยการเจรจาความสัมพันธ์ทางการค้าหลังการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ซึ่งไม่มีความคืบหน้าและมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแยกตัวแบบไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit)

หุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน หุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงทั้ง 3 ดัชนี โดยกลุ่มเทคโนโลยีหรือ Nasdaq ปรับตัวลดลงมากสุด ซึ่งเราประเมินหุ้นสหรัฐฯ จะเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน/แกว่งตัวออกข้างเนื่องจาก 1) การฟื้นตัวของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาไปเร็วกว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัว 2) ความยืดเยื้อของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ที่ยังไม่ได้ข้อตกลง 3) ความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่มีโอกาสสูงขึ้นต่อเนื่องก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯ 3 พ.ย. ซึ่งจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้เราประเมินหุ้นสหรัฐฯ จะเคลื่อนไหวไร้แนวโน้มในช่วงเวลา 1-2 เดือนนี้

ระยะกลางเป็นบวก แต่ระยะสั้นคาดตลาดไร้ทิศทางและการลงทุนเน้นการเลือกรายตัวมากขึ้น แม้สภาพคล่องในระบบการเงินโลกจะอยุ่ในระดับสูง ซึ่งเป็นตัวช่วยจำกัดความเสี่ยงทางลง (downside) ของการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม แต่ความไม่แน่นอนทางนโยบายของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิปดี โดยเฉพาะล่าสุดการเปิดเผยเทปการสัมภาษณ์ของประธานาธิปดีทรัมป์ที่ให้สัมภาษณ์ช่วงมี.ค.ที่มีการระบุถึงความจงใจที่ต้องการจะสื่อสารเรื่องโควิดในระดับที่รุนแรงน้อยกว่าความเป็นจริงจนได้รับการโจมตีจากหลายฝ่าย นอกจากจะทำให้คู่แข่งอย่างไบเดน (ซึ่งสนับสนุนการขึ้นภาษี ทำให้กำไรบจ.ลดลง) มีโอกาสชนะมากขึ้น ยังมีแนวโน้มที่อาจทำให้ทรัมป์ต้องเพิ่มความแข็งกร้าวต่อจีนในแคมเปญหาเสียง ทำให้ภาพการลงทุนระยะสั้นไร้ปัจจัยผลักดันที่ชัดเจน โดยเรายังเน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ลงแรง และหุ้นรายตัวที่มีแนวโน้มการเติบโตชัดเจน  

หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ CPF, TU, TIP, THRE, ADVANC, INTUCH, DIF, JASIF, SUPEREIF, BTSGIF, BCH, CHG, WHAUP, EASTW, SUPER / หุ้นที่มีปัจจัยบวก 1) เข้าคำนวณในดัชนี FTSE Thailand อาทิ CRC 2) กำไรเติบโตโดดเด่น CKP, TASCO 3) หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย CPALL, ZEN, M 4) เก็งกำไรกลุ่มที่ Laggard มาก อาทิ ธนาคาร

ภาพรวมกลยุทธ์ แม้การลงทุนระยะกลางยังคงเป็นบวก แต่การฟื้นตัวที่ไม่เกิน 1,306 จุด ยังไม่ปิดความเสี่ยงทางลงที่ 1,255-1,269 จุด ซึ่งการปรับลงทดสอบบริเวณดังกล่าวเรามองเป็นโอกาสซื้อ // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร SUPER*, CPF*, BAM*

แนวรับ 1,280 จุด / แนวต้าน : 1,300-1,306 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ECB ส่งสัญญาณ hawkish มากกว่าคาด ธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินซื้อคืนพันธบัตรจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย พร้อมปรับเพิ่มตัวเลขคาดกาณ์เศรษฐกิจปี 63 ขึ้นสู่ระดับ -8.0% จากคาดการณ์เดิมที่ -8.7% หนุนสกุลเงินยูโรแข็งค่า

สศช.และคมนาคมเร่งศึกษาแลนด์บริดจ์ภาคใต้เล็งเปิด PPP แสนล้าน ซึ่งต้องการผลักดันโครงการขนาดใหญ่เป็นจุดขายดึงการลงทุนต่อยอดจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวะนออก (อีอีซี) มีมูลค่าโครงสร้างพื้นฐานในแลนด์บริดจ์รวมกันราว 1 แสนล้านบาท

JMART เพิ่มทุน 40% ขายผถห.เดิม-PP ระดมทุนขยายกิจการ - JMART มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบมอบอำนาจทั่วไปจำนวน 362.64 บาท รวมถึง PP 120.8 ล้านหุ้น ทั้งนี้การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนข้างต้น รวมกันทั้งหมดแล้วคิดเป็น 40% ของทุนชำระแล้วของบริษัท

ประเด็นติดตาม: 11 ก.ย. – US CPI เดือน ส.ค./ 14 ก.ย. – OPEC monthly report/ 15 ก.ย. – China retail salse เดือน ส.ค., China Industrial Production เดือน ส.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)