เนโกรนี วีค 2020 ในปีที่เป้าหมายเปลี่ยน
'เนโกรนี วีค' (Negroni Week) ได้รับการยกย่องว่าเป็น สัปดาห์การดื่มเพื่อการกุศล ที่ยิ่งใหญ่ของโลก จัดโดย 'คัมปารี' (Campari) ร่วมกับนิตยสาร อิมไบบ์ (Imbibe)
lสัปดาห์การดื่มเพื่อการกุศล จัดพร้อมกันทั่วโลกเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตามบาร์ ร้านอาหาร และร้านค้าทั่วโลก แล้วนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายเนโกรนีไปบริจาคเพื่อการกุศล
เนโกรนี วีค จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 ครั้งนั้นเป็นการระดมไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุทอร์นาโด ในรัฐโอคลาโฮมา ของสหรัฐ มีบาร์ประมาณ 100 แห่ง เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบาร์ในสหรัฐ และประเทศใกล้เคียง โดยให้แต่ละบาร์ดังกล่าวบริจาคเงินอย่างน้อย 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อการขายค็อกเทล เนโกรนี 1 แก้ว แล้วนำเงินนี้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังจากนั้นก็จัดเรื่อยมา ด้วยการนำรายได้ส่วนหนึ่งไปบริจาคเพื่อการกุศลต่าง ๆ
เมื่อปีที่แล้ว “เนโกรนี วีค 2019” เป็นการฉลองครบรอบ 100 ปี ของเนโกรนี แต่ปีนี้ “เนโกรนี วีค 2020” อยู่ท่ามกลางเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดและร้ายแรงจนถึงบัดนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะกลับคืนสู่ภาวะปกติเมื่อใด นั่นคือการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลกในทุกแวดวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านการบริการ โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ฯลฯ
ในส่วนของ เนโกรนี วีค (Negroni Week) ทุก ๆ ปีเหล่าบาร์เทนเดอร์จะร่วมมือกันบริจาคเงินเพื่อการกุศล แต่ปี 2020 นี้เป้าหมายเปลี่ยนไป โดยทางผู้จัดจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือบาร์เทนเดอร์, ผู้ประกอบการร้านอาหาร, บาร์ และการโรงแรม เนื่องจากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้บาร์และร้านอาหารมากมายต้องปิดกิจการแบบไม่ทันตั้งตัว
ดังนั้นท่านที่มีจุดประสงค์จะช่วยเหลือวงการบาร์ ร้านอาหาร และโรงแรมโดยตรง โดยสามารถบริจาคได้ที่ เว็บไซต์ www.negroniweek.com เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เป็นต้นไปตลอดทั้งเดือน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของบาร์เทนเดอร์ชื่อดัง ระดับโลกผ่านทางช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ และจะเน้นกิจกรรมเป็นพิเศษในช่วงวันที่ 14-20 ก.ย. ซึ่งเป็นสัปดาห์แห่งเนโกรนี วีค 2020 ซึ่งจะเป็นการจัดงานเชิงแบบออนไลน์ โดยเชิญชวนผู้ที่มีความประสงศ์และต้องการช่วยเหลือสนับสนุนเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และยังสามารถเพลิดเพลินกับค็อกเทลเนโกรนีไปพร้อม ๆ กันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ผ่านโลกออนไลน์
ในเมืองไทยกิจกรรม “เนโกรนี วีค 2020” ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ LIVE FUNDRAISING การระดมทุนผ่าน Live ของทางเฟซบุ๊คโดย nlockmen Magazine https://www.facebook.com/unlockmenthailand ใน วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563 ระหว่างเวลา 18.00 - 19.00 น. โดยมีแขกกิตติมศักดิ์มาร่วม เช่น แทมมารีน คูเปอร์ หรือ “มะขาม” บาร์เทนเดอร์ร้าน Asia Today และผู้ชนะเลิศจากการแข่งขัน Campari Bartender Competition Thailand 2019 และคุณโฟกัส จีระกุล เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมี โครงการ Negroni Week Delivery Service เป็นบริการส่งอาหารไปถึงบ้านลูกค้าในกรุงเทพให้ฟรี ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2563 เพื่อช่วยเหลือบาร์เทนเดอร์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร, บาร์ และการโรงแรม ที่ได้รับผลกระทบของช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา
ขณะที่โครงการที่เริ่มมาก่อนหน้านั้นก็ยังดำเนินต่อไป เช่น Negroni Week T-Shrit ก็ยังสามารถสั่งกันได้อยู่ รายได้ 100% จากการขายเสื้อและของที่ระลึกต่าง ๆของงาน Negroni Week จะส่งมอบต่อไปยังโครงการ “Shaken Not Broken” (Thailand) เพื่อช่วยเหลือบาร์เทนเดอร์, ผู้ประกอบการร้านอาหาร, บาร์ และการโรงแรม สามารถอุดหนุนและสั่งสินค้าได้ที่: https://www.ticketmelon.com/alchemy/negroniweek2020
ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 2563 “คัมปารี กรุ๊ป” (Campari Group) และบริษัท อัลเคมี ไวน์ แอนด์ สปิริต ประเทศไทย (Alchemy Wines & Spirits Thailand) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าในเครือคัมพารี ได้จัดโครงการจัดจ้างงานพนักงานบาร์ ร้านอาหาร และโรงแรม ไปประจำ ณ ฟู้ดแลนด์, วิลลา ซูปเปอร์มาร์เก็ต และแมคโคร ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #shakennotbrokenth เพื่อช่วยเหลือวงการร้านอาหาร และสถานบันเทิง ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
สำหรับโครงการ “Shaken not Broken Thailand” ก่อตั้งในเดือนมิถุนายน 2063 โดย Alchemy Wines & Spirits Thailand และมี Campari Group เป็นผู้สนับสนุนอย่าง เป็นทางการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพการท่องเที่ยวและการโรงแรมทั่วประเทศไทย ที่เดือดร้อนทางการเงินในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยบริจาครายได้อย่างน้อย 50% จากการขายสินค้า ให้แก่ บาร์เทนเดอร์ที่ถูกเลิกจ้างงานในช่วงการปิดประเทศ, บาร์เทนเดอร์ที่ถูกเลิกจ้างงานโดยไม่ได้รับเงินและบาร์เทนเดอร์ที่ถูกลดเงินเดือน โดยทีมงานจะพิจารณาตามความเหมาะสม กองทุนนี้จะมอบเงินสด 5,000 บาท เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือให้กับบาร์เทนเดอร์ รวมถึงผู้ประกอบการ ร้านอาหาร, บาร์ และการโรงแรม โดยการตัดสินใจของทีม CSR เพื่อพิจารณาจาก ความยากลำบากทางเศรษฐกิจและเงินทุนที่มีอยู่ตามลำดับขั้นตอนของเงื่อนไขทางกองทุน
เนโกรนี กำเนิดครั้งแรกในช่วงปี 1919 โดยท่าน เคานท์ กามิลโล เนโกรนี (Count Camillo Negroni) ผู้หลงใหลเครื่องดื่มค็อกเทล ตระเวนไปทุกบาร์รู้ทำค็อกเทลอร่อย วันหนึ่งท่านเคานท์ไปร้านกาฟเฟ กาโซนี (Caffè Casoni) ในเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ปกติท่านจะชอบค็อกเทล อเมริกาโน (Americano) ที่มีส่วนผสมของโซดา แต่วันนั้นเกิดเบื่อขึ้นมา จึงบอกให้บาร์เทนเดอร์ทำค็อกเทลใหม่ ๆ ให้สักแก้ว แต่ต้องมีแคแรคเตอร์ของ Americano อยู่ด้วย และให้ใช้จิน (Gin) แทนโซดา จากการที่ท่านได้เดินทางไปลอนดอนและเห็นในบาร์ต่าง ๆ มีการใช้จินแทบทุกแห่ง บาร์เทนเดอร์จึงทำอย่างที่ท่านบอก พร้อมกับใช้ส้มฝานแทนการใช้มะนาวฝานสำหรับตกแต่งปรากฏว่าท่านเคานท์ถูกใจมาก และขนานนามว่า “อเมริกาโนของท่านเคานท์เนโกรนี” (Count Negroni’s Americano) ถือเป็นจุดกำเนิดของเนโกรนี ค็อกเทล
อเมริกาโน (Americano) ที่เป็นต้นแบบของเนโกรนีนั้นมีส่วนผสมง่าย ๆ เพียง 3 ส่วนแต่ดื่มอร่อยคือ คัมปารี แวร์มุธ และโซดา (Campari, Vermouth และ Soda) ถูกเสิร์ฟเป็นครั้งแรกในกาฟเฟ คัมปารี (Caffè Campari) บาร์ของนายกัสปาเร คัมปารี (Gaspare Campari) ในปี 1860
ด้วยส่วนผสมที่ไม่มากและเรียบง่ายมีเพียง คัมปารี (Campari) จิน (Gin) แวร์มุธ (Vermouth) เสิร์ฟด้วยแก้วโอลด์ แฟชั่น เติมแต่งด้วย เปลือกส้ม ฝานบาง ๆ ประกอบกับการทำที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ทำให้เนโกรนีได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง แม้จะเนิ่นนานเพียงใดสูตรเนโกรนีก็ไม่ได้ถูกดัดแปลงเลยเป็นเวลาเกือบ 100 ปีสร้างสรรค์มา ตรงกันข้ามกลับกลายเป็นเสน่ห์อย่างแรง กระทั่งเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตในบาร์ฮิป ๆ และค็อกเทลบาร์เก๋ ๆ มากมายที่ เริ่มนำค็อกเทลคลาสสิคกมานำเสนอโดยไม่มีการดัดแปลงปรุงแต่งใด ๆ
ขณะที่สมาพันธ์บาร์เทนเดอร์นานาชาติ (The International Bartenders Association, IBA) จึงได้บรรจุ Campari ไว้เป็นส่วนผสมอย่างเป็นทางการของ Classic Negroni ดังนั้นจึง..ไม่มี Negroni ที่ปราศจาก Campari…!!
สำหรับ คัมปารี ส่วนผสมที่เป็นหัวใจสำคัญของเนโกรนีนั้น เป็นเหล้าประเภทเรียกน้ำย่อย (Apéritif) ตระกูลบิตเตอร์ (Bitter) เป็นเหล้ายาที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของความหอมหวาน ความขม และสไปซี จนได้รสชาติที่กลมกล่อม จุดกำเนิดคือการนำเหล้ากลั่นไปผสมกับเครื่องเทศและสมุนไพรเป็นร้อย ๆ ชนิด ตามสูตรของแต่ละเจ้า
คัมปารีถือกำเนิดในปี 1860 ที่เมืองโนวารา (Novara) แคว้นเพียดมอนต์ (Piedmont) แหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี โดย กัสปาเร คัมปารี (Gaspare Campari :1828–1882) เจ้าของภัตตาคารและคาเฟ่ระดับสุดยอดของเมืองตูริน (Turin) เมืองหลวงของแคว้นเพียดมอนต์ ต่อมามีการจัดสรรที่ทางใหม่ ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวจัดอยู่ในแคว้นลอมบาร์ดี ที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง คัมปารีจึงได้ชื่อว่าเป็น “สปิริตแห่งมิลาน” หลังเปิดตัวในปี 1904 ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
คนอิตาเลียนบอกว่าคัมปารี เป็นสุดยอดเหล้าที่มีอบอวลไปด้วยรสชาติที่หอมหวนชวนลิ้มลอง ขณะที่น้ำเนื้อก็อร่อยอย่างอัศจรรย์ ที่สำคัญสามารถดื่มได้ทุกโอกาส ดื่มได้ในหลายรูปแบบ และเชื่อกันว่าสมุนไพรนับร้อยชนิดที่อยู่ในในเหล้าสีแดงสดใสนี้ จะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพดี และมีอายุยืนยาว ส่งผลให้ยอดขายของคัมปารี อยู่เหนือกว่าบิตเตอร์ทุกยี่ห้อ
ปัจจุบันคัมปารีบริหารโดย Campari Group เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วโลกโดยมีแบรนด์กว่า 50 แบรนด์ ระดับพรีเมียมและซูเปอร์พรีเมียม กระจายอยู่ทั่ว ลำดับความสำคัญระดับโลกระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น Global Priorities ซึ่งเป็นจุดสนใจที่สำคัญของ Group ได้แก่ Aperol, Appleton Estate, Campari, SKYY, Wild Turkey และ Grand Marnier บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2403 ปัจจุบันใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมี่ยมมีการกระจายทั่วโลก การซื้อขายในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก หลัก ๆ คือในยุโรปและอเมริกา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมิลาน มีโรงงาน 18 แห่งทั่วโลก ในเมืองไทยบริษัท Alchemy Wines & Spirits (Thailand) Company Limited เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือคัมปารีกรุ๊ป
ส่วน อิมไบบ์ (Imbibe) เป็นสุดยอดคู่มือสู่วัฒนธรรมการดื่ม ได้รับรางวัลเจมส์ เบียร์ด (James Beard Award Winning) ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ เปรียบเสมือนรางวัลออสการ์ทางด้านอาหารของสหรัฐ ในทุกฉบับของนิตยสารอิมไบบ์และอิมไบบ์ แม็กกาซีน ด็อทคอม (imbibemagazine.com) จะมีสถานที่เที่ยว กิน ดื่ม ชั้นนำระดับโลก สูตรเครื่องดื่ม และเรื่องราวเจาะลึกทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับผู้คน สถานที่ และรสชาติของเครื่องดื่มยอดฮิตต่าง ๆ
เนโกรนี วีค 2020 ปีที่เป้าหมายเปลี่ยน แต่จุดประสงค์ยังคงเดิมไม่เคยเปลี่ยนนั่นคือ...เพื่อการกุศล.....ขอให้ทุกท่านช่วยเหลือกัน..!!